“โย่วพรรคพวก! ผม เบอร์นิโอ เวอร์ฮาเก้น จะเข้ามาเป็นนักเตะตำแหน่งตัวริมเส้นของทีมนี้”
ชายผิวดำแต่งตัวแบบ Swag เต็มขั้น เสื้อฮู้ดยี่ห้อดัง Balenciaga หมวกจากแบรนด์ Supreme และตุ้มหูสีทอง … พูดกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ของเขา และทุกคนรู้ได้ทันทีว่าหมอนี่มันมาแบบออร่าซูเปอร์สตาร์ชัด ๆ
แต่รู้ไว้เถิดว่า คุณกำลังโดนซูเปอร์สตาร์กำมะลอเล่นงานเข้าให้โดยไม่ทันรู้ตัว … อย่าให้ภาพลักษณ์สุดเท่นี้หลอกคุณ เพราะนี่คือนักต้มตุ๋มที่แฝงตัวเองไว้ในคราบนักบอลเพื่อรับเงินค่าเซ็นสัญญาเข้ากระเป๋าแบบนิ่ม ๆ มานับครั้งไม่ถ้วน
ติดตามลีลาสุดกวนและความโกงสุดเนียนของ เบอร์นิโอ เวอร์ฮาเก้น นักฟุตบอลที่คุณไม่เคยได้ยินชื่อ แต่มีวีรกรรมสุดโฉดได้ที่ Main Stand
ผมเกมที่เดนมาร์ก
วีบอร์ก คือสโมสรประเภทครึ่งบกครึ่งน้ำของลีกเดนมาร์ก พวกเขาวนเวียนอยู่ระหว่างการเล่นในลีกสูงสุด – ตกชั้น – ลงไปเล่นในลีกรอง – เลื่อนชั้น และตกชั้นอีกครั้ง วนไปวนมาอยู่แบบนี้ในรอบ 20 ปีหลังสุด
Photo : vff.dk
ดังนั้นสโมสรเองก็ไม่ได้ใหญ่โต ไม่มีชื่อเสียงพอจะดึงดูดสตาร์ดัง และไม่มีเงินพอจะจ้างนักเตะต่างชาติที่ผ่านการการันตีเรื่องฝีเท้า พวกเขาจึงต้องเสี่ยงกับนักเตะบางคนเพื่อหวังว่าจะถูกล็อตเตอรี่ กล่าวคือหยิบมาปัดฝุ่นแล้วเล่นดีจนเหลือเชื่อ และขายออกไปในราคางาม ๆ ได้เงินเข้ามาสู่สโมสร
วัฏจักรเช่นนี้ ทำให้วีบอร์กต้องวนเวียนมาเจอกับ เบอร์นิโอ เวอร์ฮาเก้น นักเตะสัญชาติดัตช์-ซูรินาเม่ ชายผู้อวดอ้างสรรพคุณตัวเองได้อย่างเก่งกาจ มีลีลาพรรณาโวหาร พูดคล่องปร๋อ เข้าสังคมเก่ง และเข้ากับคนระดับบิ๊ก ๆ ได้อย่างแนบเนียน ซึ่งความสามารถทั้งหมดนี้ หากจะบอกว่าเขาเป็นคนที่เฟี้ยวในระดับหนึ่งก็คงจะไม่ผิดนัก แต่ถ้าเขาบอกว่าตัวเองเป็นนักฟุตบอล เขาต้องมีมากกว่านั้น นั่นคือ “ทักษะ” ฟุตบอลที่สามารถช่วยให้เขาเอาตัวรอดในสนามได้
วีบอร์ก เปิดประตูต้อนรับเขาได้อย่างไร ? … ตอนแรกเรื่องเริ่มต้นจากความเห็นอกเห็นใจ อย่างที่บอก หมอนี่พูดเก่ง เล่าเรื่องต่าง ๆ ได้แบบน้ำไหลไฟสว่าง และเขาบอกกับทีมเจรจาของวีบอร์กว่า เขามีประสบการณ์ในต่างประเทศ เคยเล่นในลีกอเมริกาใต้ แต่น่าเสียดายที่อาชีพของเขาไปได้ไม่สวยนัก เพื่อนร่วมทีมที่นั่นเกลียดผม พวกเขาเหยียดผิว พวกเขาเรียกผมว่า “ลิง” และ “ทาส” ซึ่งถือเป็นคำต้องห้ามในการพูดกับคนผิวดำ
Black Lives Matter คือกระแสใหม่ของโลก ว่าด้วยการให้ความสำคัญกับคนผิวดำและมองพวกเขาเป็นเพื่อนมนุษย์ ดังนั้น วีบอร์กจึงเชื่อว่านี่คือนักเตะที่ “น่าจะ” มีประสบการณ์ในการปรับตัว เพราะไม่กลัวในการย้ายไปเล่นในอเมริกาใต้ อีกทั้งการเล่นที่นั่นได้ ก็คงจะพอบอกได้กลาย ๆ ว่าเรื่องเทคนิคและลีลาสำหรับนักเตะในตำแหน่งริมเส้น ก็น่าจะพอไปวัดไปวาได้เช่นกัน … พูดมากเสียเวลา คนเขาเดือดร้อนจึงหนีร้อนมาพึ่งเย็น “เซ็นเลยแล้วกัน” อารมณ์มันน่าจะเป็นแบบนั้น ในวันที่เวอร์ฮาเก้นกลายเป็นนักเตะของวีบอร์ก
โช้ะเดียวรู้เรื่อง หลังจากจรดปากกาเซ็นสัญญา ทีมโซเชียลมีเดียของสโมสรก็โพสต์ข่าวแถลงการคว้านักเตะใหม่มาเสริมทัพ เบอร์นิโอ เวอร์ฮาเก้น จะเป็นนักเตะใหม่ของพวกเขา ขณะที่แฟนบอลส่วนใหญ่ตื่นเต้นกับนักเตะที่รูปร่างดีมีทรง น่าจะนำความแตกต่างมาสู่ทีมได้ กลับมีใครบางคนที่เห็นมันเข้าและแจ้งสโมสรว่า “ไอ้นี่มันลวงโลก”
Photo : bt.dk
“เบอร์นิโอ เวอร์ฮาเก้น กักขังหน่วงเหนี่ยวฉัน ทุบตี ทำร้าย และถ่มน้ำลายใส่ฉัน” แหล่งข่าวที่อ้างว่าเคยเป็นอดีตแฟนสาวของ เวอร์ฮาเก้น บอกกับตำรวจเดนมาร์ก
เธอคบกับเขาได้ไม่นาน และเผลอตัวกับคารมเป็นต่อ เธอขยายความว่า เวอร์ฮาเก้น “โม้” ว่าเขาเป็นนักเตะของ เอฟซี โคเปนเฮเก้น ทีมอันดับ 1 ของประเทศ และบอกว่าช่วงนี้กำลังหาทีมเล่นจึงทำให้ไม่มีเงินทองมากนัก จึงอาศัยการหยิบยืมจากเธอไปก่อน ทว่าทำไปทำมา เวอร์ฮาเก้น ทำกับเธอแบบที่เธอคาดไม่ถึง
การสืบสวนเป็นไปอย่างรวดเร็วจากกรมตำรวจของประเทศที่เจริญแล้ว ทุกอย่างชัดเจนว่า เวอร์ฮาเก้นโม้ตั้งแต่ต้นจนจบ วีบอร์กที่เพิ่งประกาศตัวนักเตะใหม่ได้ไม่นานนักจึงตัดสินใจยกเลิกสัญญาและบอกว่า “นี่คือการเข้าใจผิดครั้งใหญ่”
ไม่ใช่แค่โดนยกเลิกสัญญา แต่เวอร์ฮาเก้นต้องโดนจับกุมด้วยจากความผิดฐานปล้นชิงทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวและสอบสวนเขาเพื่อเอาความจริงทั้งหมดออกมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์
“คุณเวอร์ฮาเก้น จงพูดทุกสิ่งที่คุณเคยทำมาทั้งหมดตามความจริง” พวกเขากำชับและอยากฟังทั้งหมดตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเขา ซึ่งเวอร์ฮาเก้นก็ตอบรับแบบเลี่ยงไม่ได้ เขาเริ่มพูดในขณะที่ทุกคนตั้งตารอฟัง … “เอาล่ะ เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้” เบอร์นิโอ เวอร์ฮาเกน เตรียมเล่าเรื่องที่เขาเขย่าโลกฟุตบอลด้วยลมปากมาแล้ว
ดาวดับ ที่ไม่ยอมดับ
สโมสรระดับอาชีพทุกสโมสรในยุโรปล้วนแต่ให้ความสำคัญกับระบบอคาเดมีของพวกเขา ทีมเยาวชนเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาได้พบกับทรัพยากรที่มีคุณภาพ ได้เด็กท้องถิ่นที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญโดยที่พวกเขาไม่ต้องไปเสียเงินซื้อซูเปอร์สตาร์
Photo : mundocracks.cl
อย่างไรก็ตามแม้นักเตะเยาวชนหลายคนจะโดนพร่ำสอนเรื่องความทะเยอทะยาน ความอุทิศตน และการทุ่มเทเพื่อความฝัน แต่โลกฟุตบอลมันก็ไม่ได้กว้างพอสำหรับทุกคน โดยเฉพาะในฟุตบอลระดับสูงนั้น ไม่มีที่ว่างให้กับคนที่เป็นจุดอ่อนของทีม มีเด็กเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่จะผ่านระบบอคาเดมีและก้าวเข้าไปอยู่ในระดับอาชีพ ซึ่ง เวอร์ฮาเก้น ไม่ใช่ผู้โชคดีคนนั้น … เขาอ่อนเกินกว่าจะได้เล่นในลีกสูงสุดที่ประเทศเนธอร์แลนด์ บ้านเกิดของเขา
Vice เว็บไซต์ที่ชอบขุดคุ้ยเรื่องราวด้านมืดของทุกวงการบนโลกนี้ ตามไปสืบค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเวอร์ฮาเก้น และได้พบกับแหล่งข่าวชั้นดีที่ชื่อว่า มาร์แซล ฟาน ไครเก้น ผู้มีอาชีพเป็นแมวมองคอยสเกาท์นักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดี ๆ ทั่วประเทศ และมาร์แซลบอกว่า เวอร์ฮาเก้นเคยอยู่ในระบบทีมอคาเดมีของทีม วิลเล่ม ทเว แต่ไม่ผ่านการโปรโมตขึ้นชั้น เพราะเป็นนักเตะหางแถว ไม่ได้มีคุณภาพมากพอ
“หมอนี่ไปเล่นให้กับสโมสรระดับอาชีพเพียบเลยนะ ผมสงสัยทุกครั้งว่าพวกเขาเห็นอะไรในตัวหมอนี่กันแน่ ทำไมถึงมีทีมให้เล่นตลอด” มาร์แซล กล่าวกับ Vice
เอาล่ะ ดีกรีเด็กฝึกหัดในประเทศที่มีฟุตบอลแข็งแกร่งอย่างเนธอร์แลนด์ ยังพอทำให้เขาพอหางานทำได้ในลีกเล็ก ๆ แต่ปัญหาคือ เวอร์ฮาเก้นไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยานพัฒนาฝีเท้าตัวเองให้เก่งกาจยิ่งขึ้น เขาค้นพบแนวทางการทำงานแบบใหม่ที่ใช้ลมปากพาตัวเองไปยังที่ต่าง ๆ แทนฝีเท้า…
Photo : thamisoccer.co.za
ดีกรีพอมี + หาจุดขายตัวเองให้เจอ = ต้องหลอกทีมเล็ก ๆ ในประเทศที่ไม่ได้เก่งฟุตบอลได้บ้าง เขาคิดแค่นี้ และมันตลกร้ายพอสมควร เพราะถึงแม้จะเป็นการกระทำที่ปลิ้นปล้อนและโกหก แต่โลกใบนี้ยังมีคนที่ตามไม่ทันมิจฉาชีพ … เวอร์ฮาเก้นเริ่มขยับตัวเพื่อหาทีมเล่นและสุดท้าย … ปลาก็ฮุบเหยื่อ
อีเมลของเขามีข้อความจากสโมสรที่ชื่อว่า ดินาโม ติราสโพล ทีมจากประเทศมอลโดวา ชาติสมันน้อยในทวีปยุโรป ภายในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์บอกว่า ติราสโพลสนใจอยากจะเซ็นสัญญากับเขา และขอให้เขาบินมาที่มอลโดว่าด่วน ๆ เพื่อนเริ่มช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นในประเทศที่หลายคนไม่เคยสัมผัส
เวอร์ฮาเก้น เวิลด์ทัวร์ 2019
“หมอนี่มันมาดเท่มากเลยนะ มาแบบนิ่ง ๆ ใส่เสื้อสเวตเตอร์ของ Balenciaga แล้วก็เห็นตุ้มหูสีทองประกายบลิง ๆ มาแต่ไกลเลย” แซม ฟาน ราลต์ บรรณาธิการของ Vice Sports สาขาเนเธอร์แลนด์ เล่าส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์ระหว่างเขากับ เวอร์ฮาเก้น ในวันที่นักเตะรายนี้ได้สัญญาอาชีพที่ มอลโดวา
Photo : FC Dinamo-Auto
“ผมบอกได้เลยว่าไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดา เล่าเรื่องเก่งชิบเป้ง เขาเริ่มเล่าทุกอย่างอย่างสนุกสนานเหมือนกับเรียบเรียงเรื่องราวมาแล้ว ทุกอย่างเริ่มที่มอลโดว่า ที่ที่ทุกคนชอบอกชอบใจในความเป็นตัวเขา”
“เขาบอกว่าเพื่อนร่วมทีมไม่เคยร่วมงานกับนักเตะผิวดำอย่างเขามาก่อน เขาทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้างเมื่อเข้าห้องอาบน้ำเพราะหรรมส์ของเขาใหญ่บะเริ่มเทิ่มจนทุกคนเอาไปพูดกันต่อ 3 บ้าน 8 บ้าน” ฟาน ราลต์ เล่าว่าเวอร์ฮาเก้นสนุกกับอาชีพที่มอลโดวาขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม เวอร์ฮาเก้นบอกว่าเขามีเรื่องกับเอเยนต์ของเขา คนที่นำพาเขามาที่นี่ จึงทำให้อาชีพที่มอลโดวาไปได้ไม่สวยนัก อีกทั้งอากาศที่มอลโดวาก็หนาวเกินไป เขาคิดว่าที่นี่คงไม่เหมาะกับการเป็นนักฟุตบอลเท่าไหร่ จากนั้นเพียงเดือนเดียว เวอร์ฮาเก้น ก็ยกเลิกสัญญากับ ติราสโพล และย้ายทีมอีกครั้ง ซึ่งไปไกลถึงประเทศแอฟริกาใต้ ที่ที่จะทำให้เขาได้เจอกับอากาศที่อบอุ่นแบบที่เขาอยากได้เสียที
เหยื่อรายต่อไปคือสโมสร เคปทาวน์ ซิตี้ ทีมในลีกสูงสุดของประเทศ แน่นอน พวกเขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเวอร์ฮาเก้นมากนัก รู้แต่ว่ามีอีเมลจากบริษัทเอเย่นต์ที่ชื่อว่า Stella Group ซึ่งบริษัทนี้มีตัวตนอยู่จริง ๆ โดยเป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษที่รับดูแลผลประโยชน์ให้นักเตะ โดยในอีเมลบอกว่ามีนักเตะฝีเท้าดีมาเสนอ ดีกรีลีกดัตช์ เล่นตำแหน่งริมเส้น ชื่อว่า เบอร์นิโอ เวอร์ฮาเก้น … อีกแล้วครับทั่น
Photo : twitter.com/CapeTownCityFC
เคปทาวน์ ซิตี้ เรียกตัวเวอร์ฮาเก้นมาเซ็นสัญญา พวกเขาลงรูปถ่ายในโซเชียลมีเดียของสโมสรเรียบร้อย ภาพของ เวอร์ฮาเก้น ใส่เสื้อฮูดสีดำจับมือกับผู้บริหารของทีม สีหน้าของเขากึ่งยิ้มกึ่งเครียด เดาไม่ถูกว่าเขาคิดอะไรอยู่ในเวลานั้น ?
คำตอบเปิดเผยในเวลาแค่ไม่ถึง 1 เดือน ว่าในตอนนั้นเขา “คงจะเครียดแล้วฝืนยิ้ม” เพราะหลังจากเซ็นสัญญาได้ไม่นานนัก สโมสรก็รู้อะไรบางอย่างก่อนเริ่มลบรูปและข้อความต้อนรับเขาเมื่อ 1 เดือนก่อน พร้อมทั้งยกเลิกสัญญากับเวอร์ฮาเก้นในทันทีโดยที่ยังไม่ได้ลงแข่งสักนัด
เขากลายเป็นนักเตะว่างงานอีกแล้ว ดังนั้นอีเมลของบริษัท Stella Group ต้องทำงานอีกครั้ง พวกเขาร่อนจดหมายผ่านไปยังสโมสรต่าง ๆ ทั่วโลก คราวนี้มีเสียงตอบรับจากอเมริกาใต้ นั่นคือสโมสร ออแด็กซ์ อิตาเลียโน่ ในประเทศ ชิลี ที่รีบเซ็นสัญญากับ เวอร์ฮาเก้น อย่างรวดเร็ว เพราะเนื้อความในอีเมลบอกว่า นักเตะคนนี้ต้องการการบ่มเพาะอีกเล็กน้อย แล้วเขาจะกลายเป็นที่ต้องการจากทีมในลีกประเทศจีน และจะมีราคางามแน่นอน อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีสัก 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นอย่างต่ำ
“โอเค” … ออแด็กซ์ อิตาเลียโน่ คงอยากได้ยินแค่นี้ล่ะ โอกาสทำเงินมาตาก็เบิกโพลง พวกเขาเซ็นสัญญากับเวอร์ฮาเก้น และอวยขึ้นหน้าโซเชียลมีเดียของตัวเองว่า “นักเตะคนนี้จะอยู่กับเราจนถึงเดือนธันวาคม เขาเล่นในตำแหน่งกองหน้า และสามารถขยับออกไปยืนด้านกว้างได้” ลอเรนโซ่ อินติโญ่ ประธานสโมสรกล่าวกับสื่อมวลชนในวันเปิดตัว
Photo : gambetea.futbol
ที่นี่ เวอร์ฮาเก้น อยู่นานกว่าที่ไหน เขาใช้เวลาถึง 61 วัน ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะเป็นอย่างที่เราได้เล่าไปในบทความช่วงแรก “เขาอ่อนไหวและซึมเศร้าจากการโดนดูถูกและเหยียดสีผิว” และนั่นทำให้เขาต้องกลับไปยังทวีปยุโรปอีกครั้งกับสโมสร วีบอร์ก ในเดนมาร์ก
เขาใช้ลูกไม้เดิมทำให้วีบอร์กเซ็นสัญญา แม้ทีมจากเดนมาร์กจะพลาด แต่อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ไหวตัวทัน จากกระแสที่มีผู้หญิงออกมาแฉความลับของ เวอร์ฮาเก้น สโมสรจึงเริ่มตรวจสอบเอกสารทางอีเมลอย่างละเอียดอีกครั้ง … และครั้งนี้มันทำให้พวกเขาต้องยกมือตบเข้าที่หน้าผากของตัวเอง เพราะเขาพบว่าอีเมลนั้นมาจาก Stella Group ปลอมนั่นเอง
อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น Stella Group เป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษ มีสถานที่ มีอาคาร มีเว็บไซต์ที่ใหญ่โตสมฐานะ และอีเมลของพวกเขาต้องเป็นของเฉพาะ เช่น @StellaGroup.co.uk แต่อีเมลการเสนอขาย เวอร์ฮาเก้น ที่พวกเขาได้รับนั้นดันลงท้ายด้วย .co เฉย ๆ ไม่มี .uk ตามหลัง … ชัดเลย พวกเขาโดนต้มเสียแล้ว
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไม เวอร์ฮาเก้น จึงซวยสองเด้ง นอกจากจะทำร้ายร่างกายแล้ว เขายังปลอมแปลงเอกสารของบริษัท Stella Group อีกด้วย
โทษจำคุก 15 เดือน จากความผิดทั้งหมด 9 กระทง คือปลายทางการเล่น “เกม” ของ เบอร์นิโอ เวอร์ฮาเก้น นักเตะผู้ค้นพบวิธีการทำเงินโดยไม่ต้องลงสนาม เขาได้ค่ากินเปล่าจากการเซ็นสัญญาจาก 4 สโมสร แม้ไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นเงินเท่าไหร่ แต่เขาก็คงได้ไปไม่น้อยเลยทีเดียว
Photo : courtesy of El Tiempo
เมื่อโดนจับหนึ่งครั้ง คดีความต่าง ๆ ที่เคยทำในอดีตก็โดนชำระ แต่จากการพยายามหลบหนีการจับกุม ก็ทำให้ตัวเขาโดนเพิ่มอีก 1 คดี
และดูเหมือนเวอร์ฮาเก้นจะหนีวังวนนี้ไม่พ้นเสียแล้ว เพราะในปี 2020 เจ้าตัวโดนจับในคดีโจรกรรมและทำร้ายร่างกาย แม้จะสู้คดีจนรอดจากคดีข่มขืนที่เป็นโทษหนักมาได้ก็ตาม ก่อนที่สด ๆ ร้อน ๆ ปี 2021 นี้ เขาจะไปโผล่ที่ประเทศโคลอมเบีย และมาในสไตล์เดิม คืออยู่ที่ไหนได้ไม่นานก็ถูกจับด้วยข้อหาฉ้อโกง และแน่นอน ตอนนี้เขายังถูกจองจำอยู่ในคุก
สุดท้ายแล้วอะไรกันล่ะที่ทำให้เขามีชีวิตที่สุดเหวี่ยง เดินทางไปรอบโลก และมีเงินใช้ ? ฟาน ราลต์ บอกได้คำเดียว เพราะว่าสกิลการเอาตัวรอดในชีวิตจริงของเขานั้น มันเข้าขั้นตัวพ่อยิ่งกว่า แฟรงก์ อบาเนล ตัวพ่อนักต้มตุ๋นชาวอเมริกัน ที่เรื่องของเขาเคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ Catch Me If You Can มาแล้ว
“เขาไม่ใช่คนทะเยอทะยานและจริงจังกับชีวิต แต่การล่องลอยไปตามสายลมของเขามันก็สนุกจริง ๆ ให้ตายเถอะ” ฟาน ราลต์ กล่าวใน Podcast ของเขา
“แค่ได้คุยกับเขาก็รู้แล้ว หมอนี่กะล่อนตัวพ่อ แถมยังเป็นคนตลกสุด ๆ เขาจะหาวิธีการคุยกับคุณและค่อย ๆ ทำให้คุณเปิดใจกับเขาโดยไม่ระวัง เจ้าเล่ห์และเหลี่ยมเพียบในแบบที่คุณตามเขาไม่ทันหรอก”
การโดนสโมสรในฝันบอกยกเลิกสัญญา ขับเอาพลังความกะล่อนของเขาออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ ยิ่งค้น ก็ยิ่งพบว่า เวอร์ฮาเก้นทำอะไรไว้มากมายและหลอกแทบทุกคนที่อยู่รอบตัว โซเชียลมีเดียของเขามักจะเป็นการโอ้อวดและทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเสมอ ชอบปรากฏตัวในชุดวอร์มหรือชุดแข่งของทีมระดับอาชีพอย่าง โคเปนเฮเก้น หรือ มิดทิลลันด์ ด้วยข้อความแบบที่นักฟุตบอลอาชีพชอบทำกัน “สู้ ๆ, ไฟติ้ง, ไปกันต่อ” อะไรประมาณนี้ และนั่นทำให้หลายคนหลงเชื่อว่าเขาเป็นนักฟุตบอลจริง ๆ
Photo : Instagram/Bernio Verhagen
ส่วนเรื่องการส่งอีเมลปลอม การปลอมแปลงโลโก้ ทุกอย่างเกิดจากความพยายาม (แบบผิดที่ผิดทาง) ของเขาทั้งหมด เขาใช้วิธีการตัดต่อ และลอกเลียนเอกสารต่าง ๆ เพื่อให้เขาได้ไปยังทุกที่ที่เขาต้องการ
แม้เรื่องนี้จะจบลงแบบไม่แฮปปีเอนดิ้งเพราะเขาทำผิดกฎหมาย แต่เราก็ได้เห็นว่าโลกนี้มีคนมากมายหลายประเภทเหลือเกิน หากไม่อยากเป็นเหยื่อก็ต้องรู้จักระมัดระวังและรอบคอบก่อนจะเปิดใจหรือมอบผลประโยชน์ให้กับใคร
โลกนี้ยังมีคนแบบ เบอร์นิโอ เวอร์ฮาเก้น อีกมากมาย … ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาหว่านล้อมเก่ง และแสดงทัศนคติที่ดีต่อหน้า แต่ถือมีดพร้าคอยแทงคุณไว้ข้างหลัง … เราหวังว่าเรื่องนี้จะทำให้คุณห่างไกลจากคนประเภทนี้เอาไว้ รู้ให้เท่าทัน จะได้ไม่ต้องเป็นเหยื่อของ “มิตร” ที่มาในรูปแบบของ “มิจฉาชีพ” เหมือกับที่ 4 สโมสรฟุตบอลเสียท่าให้กับคน ๆ นี้และอีเมลปลอมของเขา