เพื่อไทย แนะกกต. อย่าเทียบ ชัชชาติฟีเวอร์ กับภาวะผู้นำ บิ๊กตู่ เป็นเหตุไม่รับรองผู้ว่าฯกทม. ชี้คนรับกรรมคือนายกฯ เตือนคนร้องชี้ซั้ว ระวังโดนฟ้องกลับ
เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2565 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่รับรองนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯกทม.อย่างเป็นทางการ ทั้งที่มีเสียงประชาชนเสียงร้องเป็นจำนวนมากว่า การไม่รับรองส่งผลกระทบแน่นอน ในเรื่องความรู้สึกในระบอบวิถีประชาธิปไตย และความเชื่อมั่น ถ้ามีเงื่อนไขที่บอกว่าคำร้องฟังขึ้น เป็นเหตุผลให้ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก็เป็นประเด็นสำคัญ
แต่สิ่งที่เราดูขณะนี้ ชัชชาติฟีเวอร์ หรือฝ่ายประชาธิปไตยออกมาออกเสียงอย่างถล่มทลาย ชัชชาติชนะถล่มทลาย สะท้อน 2 เรื่องหลักคือ ต้องการออกจากวิกฤต การมีผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ มีความสามารถในการแก้ปัญหา ไม่แบ่งฝ่าย เข้าได้กับทุกคน และสะท้อนเรื่องคู่เทียบระหว่าง นายชัชชาติกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่เทียบภาวะผู้นำ ใน 7 วันที่ผ่านมา คู่เทียบนี้อาจเป็นเหตุให้กกต.คิดหนัก
ดังนั้น ไม่อยากให้กกต.ใช้ประเด็นนี้เป็นเรื่องการคิดหนักที่จะไม่รับรองนายชัชชาติ เป็นผู้ว่าฯกทม. หากเห็นว่านายชัชชาติ โดดเด่นไปกดทับภาวะผู้นำประเทศ แล้วเป็นเหตุให้พิจารณาคำร้องล่าช้า
“สิ่งที่พูดไม่ได้หมายความว่าจะชี้นำกกต. แต่ถ้ากกต.ใช้เงื่อนไขนี้พิจารณาและเกิดความล่าช้า จะมีปัญหากับประเทศโดยรวมและมีปัญหากับตัวนายกฯแน่นอน คนรับกรรมคือนายกฯ ดังนั้น กกต.ต้องใช้ดุลยพินิจพิจารณารอบคอบ ถี่ถ้วน ถ้าออกมาในทางตรงกันข้าม ผมเชื่อว่าประชาชนรับไม่ได้ จะเกิดภาวะวิกฤต จึงต้องระวัง” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่าตอนนี้มีความพยายามร้องแขวนนายชัชชาติ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องไปดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าสิ่งที่ร้องมีมูลและข้อเท็จริงหรือไม่ กรณีที่ร้องมา 3 ประเด็น ตนเห็นว่าเขามีสิทธิ์ร้อง แต่เขาก็มีสิทธิ์ถูกฟ้องได้เหมือนกันในการไปกล่าวหาทำให้นายชัชชาติ เสียหายในลักษณะกลั่นแกล้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง มีโทษจำคุก 5 ปี ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และปรับ 1 แสนบาท ดังนั้น ต้องพึงระวัง เพราะมีสิทธิ์ร้อง แต่การร้องต้องมีเหตุผล