เด็กริมโขงเมืองอุบล หวั่นน้ำท่วมบ้านเกิด ยื่นหนังสือถาม ผวจ.ถึงโครงการสร้างเขื่อนสาละวัน

Home » เด็กริมโขงเมืองอุบล หวั่นน้ำท่วมบ้านเกิด ยื่นหนังสือถาม ผวจ.ถึงโครงการสร้างเขื่อนสาละวัน


เด็กริมโขงเมืองอุบล หวั่นน้ำท่วมบ้านเกิด ยื่นหนังสือถาม ผวจ.ถึงโครงการสร้างเขื่อนสาละวัน

เด็กริมโขงเมืองอุบล ไม่อยากให้เขาสร้างเขื่อน หวั่นน้ำท่วมบ้านเกิด ยื่นหนังสือถาม ผวจ.ถึงโครงการสร้างเขื่อนสาละวัน

วันที่ 8 ก.พ. 65 ด.ช.ขมร 1ในกลุ่มเด็กไทยฮิมโขงบ้านตามุย อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เปิดเผยถึงการเดินทางไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของโครงการสร้างเขื่อนสาละวันซึ่งกั้นแม่น้ำโขงว่า ที่ตนกับเพื่อนมาส่งหนังสือ เพราะอยากรู้ว่า เขาจะสร้างเขื่อนที่บ้านพวกเราไหม ถ้าเขาให้สร้าง ให้เรือมาสำรวจ พวกเราก็กลัวต้องย้ายบ้านไปที่อื่น เราไม่อยากให้เขาสร้างเขื่อน

ด.ช.ขจร กล่าวว่า การเดินทางมาส่งหนังสือนั้น เป็นไปด้วยความสมัครใจของตนเอง และเพื่อนๆ เพราะรู้สึกกังวลใจหากมีการสร้างเขื่อนดังกล่าวขึ้น ตนและครอบครัวก็จะต้องถูกย้ายบ้าน ส่วนอาชีพหาปลาและทำเกษตรริมโขงของชาวบ้านตามุยก็จะต้องจบลง

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมากลุ่มเด็กไทยฮิมโขง ชุมชนบ้านตามุย 13 คนพร้อมพี่เลี้ยงได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี หลังจากในระยะนี้ชาวบ้านตามุย พบว่ามีเรือน่าสงสัย พร้อมคนงาน และทหารฝั่งสปป.ลาว ได้ทำการสำรวจหาข้อมูลบางอย่างอยู่ชายแดนแม่น้ำโขงไทย-ลาว

โดยชาวบ้านเชื่อว่า เรือดังกล่าวลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลเพื่อเดินหน้าก่อสร้างเขื่อนเขื่อสาละวันซึ่งเดิมชื่อว่าเขื่อนบ้านกุ่ม โดยจะสร้างบริเวณชายแดนไทย-ลาวด้านอำเภอโขงเจียม และเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูล ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลฯ และอำนาจการปกครองท้องถิ่นภาคส่วนต่างๆ เพื่อขอเข้าสำรวจพื้นที่ศึกษาข้อมูลบริเวณแม่น้ำโขง อำเภอโขงเจียม

ด้าน คำปิ่น อักษร ผู้ประสานงานเครือข่ายคนฮักน้ำของบ้านตามุย กล่าวว่า ปัจจุบันเด็ก ๆเข้าถึงข้อมูลข่าวสารตามอินเตอร์เน็ต พวกเขามีความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องแม่น้ำโขง และวิถีชีวิตของคนน้ำโขง เพราะเติบโตมากับสิ่งเหล่านี้ และมีชีวิตที่จะรักษาสิ่งเหล่านี้ให้อยู่รอดไปจนถึงรุ่นของเขา

“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องจิตสำนึก แต่เต็มไปด้วยเรื่องของความรัก ความรู้สึกที่มีต่อชุมชนและบ้านเกิด เราเป็นครู เราก็แนะนำในสิ่งที่เขาชอบ เขารัก ถ้าเขารักถิ่นฐานบ้านเกิด เราก็เห็นดีด้วย ไม่ได้บังคับว่าเด็กๆ ต้องทำอะไรเพื่ออะไร พวกเขารู้จักรักและหวงเเหน อยากปกป้องบ้านตัวเอง จึงเป็นเรื่องที่ดี” คำปิ่น กล่าว

อย่างไรก็ตาม การส่งหนังสือของเด็กๆถึงผู้ว่าราชการจังหวัดครั้งนี้ ผู้ว่าฯไม่ได้ออกมารับหนังสือด้วยตนเอง ถึงแม้ว่า เด็ก ๆ จะเดินทางตากแดดมาเกือบ 80 กิโลเมตร โดยผู้ว่าฯ ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงค์ธรรม ประจำศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีมารับเรื่องแทน และปัดที่จะตอบคำถามต่อเด็ก ๆ ว่าได้อนุมัติให้บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ เข้าพื้นที่สำรวจพิกัดต่าง ๆ บริเวณแม่น้ำโขงและชุมชนของเด็ก ๆ เหล่านี้แล้วหรือไม่

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ