เด็กประถมขอลาเรียน แนบจดหมายเรื่อง "เต่าของหนู" ชาวเน็ตอ่านแล้วสงสาร แต่ครูไม่อนุญาต

Home » เด็กประถมขอลาเรียน แนบจดหมายเรื่อง "เต่าของหนู" ชาวเน็ตอ่านแล้วสงสาร แต่ครูไม่อนุญาต
เด็กประถมขอลาเรียน แนบจดหมายเรื่อง "เต่าของหนู" ชาวเน็ตอ่านแล้วสงสาร แต่ครูไม่อนุญาต

ในช่วงชีวิตการเป็นนักเรียน หลายคนคงเคยผ่านช่วงเวลาที่ต้องเกาหัวเพื่อคิดหาเหตุผลในการ “ลา” ทั้งปวดท้อง เป็นไข้ ตื่นสาย หลากหลายสาเหตุทำให้สามารถ “ผ่อนคลาย” ได้สักวัน แต่ไม่ว่าจะมีจินตนาการมากมายแค่ไหน ก็คงไม่สามารถนึกถึงเหตุผลแบบเดียวกับนักเรียนชั้นประถมคนนี้ได้ หลายคนถึงกับบอกว่าหลังจากอ่านจดหมายเรียงความของนักเรียนแล้วคุณครูคงบอบช้ำใจเพราะไม่รู้จะรักหรือจะโกรธดี

มีกรณีที่ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ของจีน นักเรียนประถมคนหนึ่งใช้ความกล้ายื่นใบลากับคุณครู เนื่องจากเต่าที่เขาเลี้ยงไว้ที่บ้านตาย จึงไม่มีอารมณ์จะไปโรงเรียน โดยใบลานั้นมาพร้อมข้อความแสดงสั้นๆ เพื่อเรียกความสงสารจากคุณครู โดยคิดว่าครูคงจะสะเทือนใจเมื่อได้อ่าน และยอมเซ็นอนุญาตให้ลาเรียน เขียนด้วยลายมือว่า

เต่าของหนูหายไป ความรู้สึกของหนูที่มีต่อมันลึกซึ้งมาก หนูแค่อยากอยู่คนเดียว หนูหวังว่าครูจะเห็นด้วยกับคำขออนุญาตของหนู เต่าของหนูน่าสงสารมาก

แต่หลังจากคุณครูอ่านจบแล้ว ปรากฎว่าเด็กนักเรียนคนนี้ยังต้องมาเรียนตามปกติ เพราะไม่ได้รับลายเซ็นอนุญาต ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าไม่ใช่ทุก “ความเจ็บปวด” จะได้รับความเห็นอกเห็นใจ ถึงแม้จะเศร้าแต่การเรียนก็ยังต้องมาก่อน

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ตลกขบขันของนักเรียนคนนี้ในการขอลาโรงเรียนก็ทำให้ผู้คนตื่นเต้นเช่นกัน ชาวเน็ตบางคนถึงบอกว่าเขาจะเรียนรู้วิธีการของเด็กคนนี้บ้าง “สักวันฉันจะต้องลองใช้เหตุผลนี้ดูบ้าง มันดูตลกมาก และมันสมเหตุสมผลมากเจ้าหนู”

หลายคนยังให้คำแนะนำผู้ปกครองในกรณีนี้ด้วย  โดยบอกว่าแทนที่จะโกรธ ควรปลอบลูกมากกว่า เพราะเด็กเล็กถือว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว ดังนั้นเด็กๆ จะเสียใจมากเมื่อสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเสียชีวิต ผู้ปกครองต้องอยู่เคียงข้างและช่วยให้ลูกเอาชนะความสูญเสีย

อย่าประมาทความเศร้าของเด็กเด็ดขาด ควรอธิบายว่าความรู้สึกเช่นความเศร้าและความผิดหวังเป็นเรื่องปกติ พ่อแม่ต้องสอนและแสดงออกให้ลูกเห็น อย่าพยายามซ่อนความเศร้าของตัวเอง แต่ให้แบ่งปันความรู้สึกและอารมณ์กับลูก นั่นจะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจว่าทุกคนเสียใจหากสูญเสียเพื่อนไป

ที่สำคัญไม่แพ้กันคือพูดคุยถึงสัตว์เลี้ยงแสนรักของลูกด้วยความรัก เพื่อให้ลูกเข้าใจว่า เมื่อความเจ็บปวดหายไป ความทรงจำอันแสนสุขของสัตว์อันเป็นที่รักที่สูญเสียไป จะคงอยู่ตลอดไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ