เดือด! อดีตพันเอก-ภรรยา เตรียมย้ายหนี หลังโดนพ่อนิติฯ คอนโดกร่าง ขู่เอาปืนยิง

Home » เดือด! อดีตพันเอก-ภรรยา เตรียมย้ายหนี หลังโดนพ่อนิติฯ คอนโดกร่าง ขู่เอาปืนยิง
พ่อนิติกร่าง-min

ใครจะอยู่ก็อยู่! อดีตพันเอก วัย 68 พร้อมภรรยา เข้าร้องเสี่ยเป้ บางกรวย ถูกขมขู่ ทำร้ายร่างกาย จากนิติฯ คอนโด เตรียมย้ายหนี

วันนี้ 22 พ.ค. 2567 นายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ เสี่ยเป้ บางกรวย คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) สภ.บางกรวย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพันเอกสมชาย บุญปราศภัย อายุ 68 ปี อดีตข้าราชการทหารบก และนางสาวอริสรา ไผทวิภาดา อายุ 45 ปี สองสามีภรรยา ถูกพ่อบุญธรรมของนิติบุคคลคอนโดแห่งหนึ่ง ย่านบางศรีเมือง มีพฤติกรรมกร่าง พยายามจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย หลังจากมีปากเสียงกันเรื่องจอดรถและล้างรถ จึงเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากห่วงความไม่ปลอดภัยของชีวิตตนเองและครอบครัว ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่สภ.บางศรีเมืองตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ 9 พ.ค. 2567

แจ้งความนิติ-min

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. เวลาประมาณ 17.30 น. พันเอกสมชายผู้เสียหายกล่าวว่า ตนเดินลงมาจากคอนโดและเจอคู่กรณี ผู้เป็นพ่อบุญธรรมของ 1 ในนิติบุคคลคอนโด เขาไม่พอใจที่ไปถามเรื่องล้างรถที่คอนโด ซึ่งลูกบ้านคนอื่นไม่สามารถล้างได้ คู่กรณีอ้างว่าใช้น้ำส่วนตัว ได้มีการสอบถามต่อว่าแล้วตอนที่ภรรยาตนเคยใช้น้ำส่วนตัวมาล้างรถบ้างทำไมถึงมีปัญหา ทำให้คู่กรณีไม่พอใจด่าตนทอด้วยถ้อยคำหยาบคายก่อนเดินหนีไป พอคู่กรณีเจอภรรยากับลูกเลยย้อนกลับมาชกต่อยตนเลยต้องจึงป้องกันตัว ก่อนที่ภรรยากับลูกของคู่กรณีเข้ามาห้าม

ก่อนแยกย้ายกันขู่กรณีได้ขู่ตนว่า “มึงอยู่ตรงนี้อย่าไปไหน เดี๋ยวกูจะเอาปืนลงมายิงมึงตายแน่นอน“ ตนจึงโทรแจ้งตำรวจ ตนเคยมีปัญหากันเรื่องการบริหารของนิติบุคคลคอนโด คู่กรณีอ้างว่าการเป็นนิติบุคคลสามารถควบคุมได้ทุกอย่างในคอนโดนี้ ลูกบ้านต้องอยู่ในสายตาเขา ตนรู้สึกว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้อง คู่กรณีรู้ว่าตนเป็นรับราชการยศสูง ด้านคู่กรณีก็มีตำแหน่งสูงเหมือนกัน

  • เป็นไปได้ไง! หนุ่มร้องติดโซลาร์เซลล์ แต่กลับเจอค่าไฟพุ่งครึ่งแสน?
  • สรุปดราม่า! รองเท้าพละ หลังครูแจ้งผิดระเบียบ เพราะเปลี่ยน รองผอ.ใหม่
  • ดีขึ้นแล้ว! แม่-ลูก ถูกน้ำมันร้อนสาด หลังโดนทวงค่าเช่าห้อง

เขาพยายามทำให้ลูกบ้านอยู่ใต้การควบคุม กฎระเบียบในคอนโดเปลี่ยนไปมา แล้วแต่ความพึงพอใจของนิติบุคคล อะไรที่ขวางหูขวางตาก็จะเปลี่ยนแปลงกฎไปเรื่อย ๆ เช่น เมื่อก่อนไม่เคยมีปัญหาเรื่องจอดรถ พอตนออกรถใหม่อีกคัน ก็นำป้ายมาติดว่าห้ามจอดจะมีโทษปรับ 1,000 บาท

พันเอกสมชายกล่าวต่ออีกว่า ตนอยู่ที่นี้มา 10-15 ปี มีเรื่องบาดหมางกันตลอด สำนักงานนิติบุคคลก็ห้ามไม่ให้ลูกบ้านเข้า แต่คนในครอบครัวของเขาสามารถเข้าไปใช้งานได้ ทำเหมือนอยู่บ้านค่าไฟก็ไม่จ่าย นอกจากนี้ยังมีการดัดแปลงอาคารชุด 4 ห้องติดกัน ซึ่งตามหลักแล้วอาจจะไม่สามารถทำได้ เรื่องที่สำคัญที่สุดคืองบการเงินของนิติบุคคลในแต่ละปี ลูกบ้านไม่เคยเห็นการใช้จ่ายต่าง ๆ

วันที่มีปากเสียงกันตนโดนอีกฝ่ายเข้ามาทำร้ายร่างกาย ก่อนจะโทรแจ้งตำรวจก็ได้มีสายตรวจเข้ามาตรวจสอบ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดคุย ทางคู่กรณียังตะโกนด่าและมีท่าทีที่จะเข้ามาทำร้ายตนกับภรรยา วที่มาร้องเรียนกับเสี่ยเป้ บางกรวย เพราะอยากให้ช่วยเหลือห่วงเรื่องความไม่ปลอดภัยของตนเองและภรรยา เพราะเราต้องเดินเข้า-ออกและอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้ ต้องเจอคู่กรณีเกือบทุกวัน วันใดวันหนึ่งจะเข้ามาทำร้ายตนอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนซื้อคอนโดมาก็อยากอยู่แบบสบาย มีแต่ความสนุกต่างคนต่างอยู่ไป แต่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อยู่กับคนแบบนี้จนต้องยอมขายคอนโด ย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นกลายเป็นว่าเราต้องหนีคนที่ทำผิด

พ่อนิติคอนโด-min

ภรรยาผู้เสียหาย กล่าวว่า การบริหารจัดการของนิติคอนโดที่นี่มันมีอะไรที่ไม่โปร่งใส เช่น การตั้งป้อมรปภ.ทั้งที่ไม่จำเป็น สร้างขึ้นโดยไม่รู้ว่าใช้งบส่วนไหนมาทำ เพราะไม่เคยแจกแจงงบประมาณรายปี ทั้งที่ตนต้องเสียค่าส่วนกลางตลอด ตอนนี้ตนอยู่แบบหวาดระแวงเหมือนต้องอยู่กับผู้มีอิทธิพลมืด ต้องคอยหลีกเลี่ยง เหมือนโดนหาเรื่องตลอด เวลามีเรื่องราวก็จะข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ขู่จะเอาปืนมายิงบ้าง มันไม่มีความสุข ตนคิดว่าจะขายคอนโดที่นี่และไปซื้อที่อื่นอยู่ใหม่ ย้ายหนีดีกว่า สู้ไม่ไหว

นายโชติอนันต์ หรือ เสี่ยเป้ บางกรวย กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย 2 คน ว่าถูกครอบครัวของนิติบุคคลคอนโดทำร้ายร่างกาย ซึ่งผู้เสียหายมีความหวาดกลัวกับการที่จะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ จนต้องประกาศขายคอนโดเพื่อย้ายที่อยู่ใหม่ รวมถึงพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใสในการบริหารงานของนิติบุคคลคอนโดนี้ เช่น เรื่องการจัดตั้งนิติบุคคลที่ไม่โปร่งใส ไม่รู้ว่าจัดตั้งกันเองหรือไม่ โครงสร้างอาคารที่ทางครอบครัวนิติบุคคลมีคอนโดอยู่ 4 ห้อง ทำการดัดแปลงและทุบติดกัน ตนจะทำเรื่องตรวจสอบที่กรมที่ดิน และได้ปรึกษากับทางเทศบาล จะมีการทำหนังสือเพื่อให้ตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนเรื่องคดีทำร้ายร่างกาย ตนจะติดตามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เรียกทั้ง 2 ฝ่าย มาพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ