เจ้าอาวาสวัดภูม่านฟ้า จ.บุรีรัมย์ แจงสร้างเมืองสีหนครตามจินตนาการหรือนิมิตที่เห็น ไม่ได้ลอกเลียนแบบนครวัด นครธม ตามที่มีกระแสดรามาของชาวเน็ตกัมพูชา ด้านวัฒนธรรมจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบพบก่อสร้างปราสาทหินจริง แต่เป็นการนำจุดเด่นของแต่ละที่มาประยุกต์ผสมผสมไม่ได้ก็อปแบบ
จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพสิ่งก่อสร้างที่ถูกเรียกว่า “อาณาจักรสีหนคร” ตั้งอยู่บ้านหนองบัวราย ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ในพื้นที่วัดพระพุทธบาทศิลา หรือวัดภูม่านฟ้า ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของบุรีรัมย์ในอนาคต แต่ชาวเน็ตในประเทศกัมพูชา กลับออกมาแสดงความคิดเห็น ไม่เห็นด้วยกับลักษณะการออกแบบของสิ่งก่อสร้างดังกล่าว โดยชาวเน็ตกัมพูชาส่วนใหญ่อ้างว่า อาณาจักรสีหนคร มีความคล้ายคลึงกับปราสาทนครวัด นครธม ซึ่งเป็นศาสนสถานสำคัญของโลก ณ ประเทศกัมพูชาจนกลายเป็นกระแสดราม่า
ล่าสุดเมื่อวันที่7 ก.ค.64 ที่ผ่านมา นายขัตติยา ชัยมณี วัฒนธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย น.ส.เพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอนางรอง, พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ศรีเสริม ผู้กำกับการ สภ.นางรอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ไปยังวัดพระพุทธบาทศิลา หรือวัดภูม่านฟ้า เพื่อตรวจสอบสิ่งก่อสร้างภายในวัดที่กำลังกลายเป็นกระแสในสื่อโซเชียลของกัมพูชา โดยจากการตรวจสอบพบว่าภายในวัดพระพุทธบาทศิลาดังกล่าว กำลังมีการก่อสร้างปราสาทหินหลายหลังเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปของทางวัด โดยปราสาทหินแต่ละหลังก็จะมีการแกะสลักลวดลายที่แตกต่างกัน รวมถึงพระมหาเจดีย์ สถานที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งส่วนใหญ่สร้างขึ้นจากหินทราย
โดยจากการสอบถามพระอาจารย์สมศักดิ์ สังวรจิตโต เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทศิลา หรือวัดภูม่านฟ้า ก็ชี้แจงว่า การก่อสร้างเมืองสีหนครแห่งนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการก่อสร้างปราสาทหินของคนโบราณในอดีต และคนสมัยปัจจุบัน ซึ่งอาจจะแตกต่างกันเพียงเทคโนโลยีหรือเครื่องจักรที่นำมาใช้เท่านั้น ทั้งอยากให้เมืองสีหนครแห่งนี้เป็นวัตถุที่สืบทอดให้เห็นถึงเจตนาและความศรัทธาของผู้มีจิตศรัทธาไปอย่างยาวนานถึง 5,000 ปี แต่ยืนยันว่ารูปแบบการก่อสร้างเกิดจากจิตนาการหรือนิมิต ไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากสถานที่แห่งใด
ขณะที่ รศ.ดร.สมมาตร์ ผลเกิด นักวิชาการโบราณคดีอิสระ ได้กล่าวภายหลังร่วมเดินทางไปดูการก่อสร้างเมืองสิงหนครที่วัดภูม่านฟ้าว่า กระแสที่เกิดขึ้นในสังคมโซเชียลที่ประเทศกัมพูชาเกิดจากการนำเอาความรู้สึกในอดีตมาอ้างอิงในปัจจุบัน ทำให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างกันจึงนำไปสู่กระแสวิพากวิจารณ์ จนทำให้การก่อสร้างในสถานที่แห่งนี้ถูกโยงไปด้วย นำไปสู่การเข้าใจที่ไม่ถูกต้องตรงกันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ดังนั้นการพูดคุยเรื่องเหล่านี้ต้องมองในมิติของวัฒนธรรม ไม่มองในมิติทางการเมืองการปกคองเพราะมิติวัฒนธรรมคือไม่มีอาณาเขตคนในดินแดนกัมพูชา กันคนในดินแดนทางอิสานตอนใต้ของไทยมีบรรพบุรุษร่วมกันไปมาหาสู่กัน ซึ่งก็เชื่อว่าในกลุ่มของประชาชนทั่วไปของทั้งสองประเทศที่ไม่ได้ผ่านพื้นที่โซเชียล ก็ยังเป็นพี่เป็นน้องไปมาหาสู่กัน แต่กระแสที่เกิดขึ้นกลับให้สื่อโซเชียลเป็นตัวกำหนดทิศทางก็เลย ทำให้เกิดความไม่เข้าใจที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งซึ่งกันและกัน อีกอย่างคือภาพที่ถูกนำไปเผยแพร่ค่อนข้างจะแตกต่างจากความเป็นจริง ซึ่งหากเป็นไปได้ก็อยากจะให้ทางกัมพูชาส่งตัวแทนมาดูพื้นที่จริงว่าการก่อสร้างไม่ได้ลอกเลียนแบบ ส่วนรูปทรงปราสาทหลายๆแห่งก็จะคล้ายคลึงกันอยู่แล้วซึ่งในประเทศไทยเองก็มีเป็นร้อยๆ ปราสาท จึงไม่ใช่เป็นการเลียนแบบกัมพูชาโดยเฉพาะนครวัด นครธมที่ถูกประกาศเป็นมรดกโลก ก็เสมือนเป็นมรดกของคนทั้งโลก
ทางด้านวัฒนธรรมจังหวัดระบุว่า จากการลงตรวจสอบพื้นที่พบว่ามีการก่อสร้างปราสาทหินจริง ซึ่งทางเจ้าอาวาสก็บอกว่าสร้างขึ้นจากจินตนาการและนิมิตของท่าน โดยนำรูปแบบที่สวยๆของแต่ละสถานที่มาประยุกต์ เช่น ปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินพนมรุ้ง หรือบูโรพุทโธของอินโดนีเซีย เป็นการนำเอาจุดเด่นของแต่ละที่มาผสมผสานกันให้ดูสวยงาม ไม่ได้ลอกเลียนแบบนครวัดนครธมตามที่ชาวเน็ตกัมพูชาเข้าใจ ซึ่งท่านไม่ได้มีแบบแปลนที่ชัดเจนคือนึกอะไรออกก็ตกแต่งไปเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตามการก่อสร้างปราสาทหรือศาสนสถานตามสถานที่ต่างๆ นั้น จากการสอบถามไปยังทางสำนักศิลปากรภาค 10 ก็ให้ข้อมูลมาเบื้องต้นว่า ปกติของไทยไม่ได้มีกฎหมายที่ห้ามก่อสร้างศิลปะเลียนแบบแต่เพื่อความชัดเจนก็ต้องให้กรมศิลปากรตรวจสอบอีกครั้งว่ากฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับเรื่องนี้มีกี่ฉบับและมีอะไรบ้างเพื่อจะได้เกิดความเข้าใจถูกต้องตรงกัน
สำหรับวัดพระพุทธบาทศิลา หรือวัดภูม่านฟ้า ได้รับอนุญาตให้สร้างวัดเมื่อวันที่ 8 ต.ค.2562 ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2564 ปัจจุบันมีพระอธิการสมศักดิ์ สังวรจิตโต เป็นเจ้าอาวาส มีเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ ปัจจุบันได้งดการเข้าชมเนื่องจากสถานการณ์โควิดระบาด