เจ้าของร้านปังชาเชียงราย เครียดถูกร้านดังฟ้องละเมิดเครื่องหมายการค้า 102 ล้าน โอดคำนี้ใครๆ ก็ใช้เรียกทั่วไป
ที่ร้านปังชา น้ำชาเชียงราย ตั้งอยู่ถนนพหลโยธินสายใน ใกล้สี่แยกประตูสลี เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายวีระชาติ อายุ 36 ปี เจ้าของร้านยังคงเปิดร้านให้บริการจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำแข็งใส ขนม ฯลฯ ตามปกติ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีเอกชนรายหนึ่งตั้งอยู่เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ได้ส่งหนังสือไปถึงนายวีระชาติหลายครั้งในช่วงปลายเดือน ก.ค.2566 ขอให้ยุติการละเมิดเครื่องหมายชื่อร้าน “ปังชา” เพราะคล้ายคลึงกับชื่อทางการค้าที่บริษัทได้จดทะเบียนและเปิดร้านจำหน้ายอาหารอยู่ที่ศูนย์การค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ รวมทั้งยังเรียกค่าเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 102,000,000 บาท
นอกจากนี้ในหนังสือยังแจ้งให้มีการขอโทษผ่านสื่อต่างๆ และทางหนังสืออย่างเป็นทางการ รวมทั้งให้แจ้งศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ซึ่งเปิดจำหน่ายร้านปังชาเช่นกันให้รับทราบด้วย ทั้งนี้ระบุให้นำเงินมาชำระค่าเสียหายภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือควบคู่กับการยกเลิกใช้ชื่อ “ปังชา” ดังกล่าว และให้เลิกใช้คำว่า “ปังชา” ไปใช้เป็นชื่อเมนูน้ำแข็งใสด้วย หากยังเพิกเฉยจะคิดค่าเสียหายอีกวันละ 10,000 บาทต่อ 1 ร้านด้วย
ด้านนายวีระชาติ กล่าวว่าเดิมตนทำงานเป็นรับตกแต่งภายในและต่อมาในปี 2564 ได้หันมาเปิดเป็นร้านจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ นม ฯลฯ และยังมีชนมต่างๆ เช่น ขนมปัง น้ำแข็งใส ฯลฯ และเพื่อให้ผู้คนจดจำได้ง่ายจึงใช้ชื่อว่า “ปังชา” ที่ถนนสนามบินไม่ห่างจากร้านปัจจุบันมากนัก โดยมีหลักฐานเป็นการโพสต์ในเฟซบุ๊กมาตั้งแต่ต้นแล้ว จากนั้นในเดือน ม.ค.2566 นี้ได้ย้ายไปยังถนนพหลโยธินเพื่อขยับขยายร้าน
กระทั่งวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมาก็เริ่มมีหนังสือจากบริษัทดังกล่าวส่งถึงตนถึง 3 ครั้ง โดยแจ้งว่าร้านตนละเมิดเครื่องหมาย “ปังชา” และยังมีร้านของญาติตนที่เปิดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงรายด้วย ซึ่งตนแทบไม่อยากจะเชื่อเพราะชื่อนี้ก็เรียกขานกันอยู่ทั่วไปและอยากให้จำกันง่ายๆ ว่าร้านเราขายน้ำชาและมีขนมปังด้วยนั่นเอง
นายวีระชาติ กล่าวอีกว่า เดิมตนก็ไปขอจดทะเบียนการค้าโดยใช้ชื่อเดียวกันนี้แต่บริษัทที่ปรึกษาแจ้งให้ออกแบบให้ชื่อสอดคล้องกับรูปภาพก่อนทำให้ตนชะลอไป แต่ปรากฎว่ายังไม่ทันดำเนินการใดๆ ก็ถูกเอกชนรายดังกล่าวแจ้งว่าละเมิดเครื่องหมายการค้า เรียกค่าเสียหายจำนวนมหาศาลทำให้ตนและครอบครัวเครียดอย่างมากเพราะเราคงไม่มีเงินทองมากถึงขนาดนั้นและตนก็ไม่ได้มีเจตนาจะไปละเมิดแต่อย่างใดอีกด้วย
กระนั้นเพื่อไม่ให้กระทบมากจึงได้เปลี่ยนชื่อร้านของญาติที่ศูนยการค้าเซ็นทรัล เชียงราย หลังจากได้รับหนังสือไม่เกิน 7 วันแล้ว แต่ยังคงเหลือที่ร้านของตนบนถนนพหลโยธินสายในที่ยังใช้ชื่อเดิมและเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป โดยระหว่างนี้ก็ปรึกษาทนายความว่าจะทำอย่างไรเพราะดูจากเอกสารที่บริษัทแจ้งพบว่าเขาพึ่งมาขอจดทะเบียนเมื่อปลายปี 2565 หลังจากที่ตนใช้ชื่อนี้ไปแล้ว และตนก็ไม่เคยใช้ชื่อ “ปังชา” มาใช้เป็นมนูน้ำแข็งใสแต่ใช้คำว่า “ปังเย็น” แทนต่างหาก สิ่งสำคัญคือตนคงไม่มีเงินทองมากมายไปจ่ายให้ถึง 102,000,000 ล้านหรือปรับวันละ 10,000 บาทอย่างแน่นอน
นายวีระชาติ กล่าวด้วยว่าร้านตนเปิดมาตั้งแต่ปี 2564 แล้ว และมาเปิดสาขาที่ร้านแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2566 แต่ทางร้านเอกชนรายดังกล่าวเพิ่งของสิทธิบัตรได้ในช่วง 2-3 เดือนมานี่เอง ซึ่งทางร้านได้เปิดในชื่อนี้มาก่อน อีกทั้งเมนูอาหารไม่มีใช้คำว่าปังชา แม้แต่เมนูเดียว มีเพียงของหวานชื่อปังเย็นเท่านั้นที่ชื่อคล้ายหน่อยแต่ก้ไม่เฟหมือนเมนูของร้านที่มาฟ้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่งทางตนไม่มีเจตนาที่จะนำชื่อมาแอบอ้าง แต่หากทางเอกชนรายดังกล่าวไม่สบายใจไม่ให้ใช้ชื่อก็พร้อมจะเปลี่ยน แต่จะมาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเช่นนี้เห็นว่าไม่เป็นธรรม และยังไม่อยากพูดคัยกับผู้ร้องตอนนี้ แต่อยากให้ผู้รู้ด้านกฎหมายมาให้คำปรึกษาตนว่าตนกระทำผิดหรือไม่ เพื่อที่จะดำเนินการต่อไป
- จบนะ! “ทนายนิด้า” สรุปดราม่า #ปังชา วงให้ดูชัดๆ ทุกคนมีสิทธิ์ใช้คำนี้หากิน ไม่โดนฟ้อง!!!