เจ้าของที่ดินแจงแล้ว หลังปิดทางเข้าประปาหมู่บ้าน ปมน้องสาวแพ้เลือกตั้ง ส.อบต.

Home » เจ้าของที่ดินแจงแล้ว หลังปิดทางเข้าประปาหมู่บ้าน ปมน้องสาวแพ้เลือกตั้ง ส.อบต.


เจ้าของที่ดินแจงแล้ว หลังปิดทางเข้าประปาหมู่บ้าน ปมน้องสาวแพ้เลือกตั้ง ส.อบต.

เจ้าของที่ดินแจงแล้ว หลังปิดทางเข้าประปาหมู่บ้าน ปมน้องสาวแพ้เลือกตั้ง ส.อบต. เผยเพราะเป็นช่วงโควิด และกลัวว่าที่ดินจะกลายเป็นที่สาธารณะจริงๆ

จากกรณีชาวบ้านกว่า 50 คน เดินทางมายังที่ทำการ อบต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีที่น้ำประปาหมู่บ้านถูกปิด ทำให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อน 150 ครัวเรือน โดยชาวบ้านอ้างว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หลังทราบผลเลือกตั้ง ส.อบต.ม.9 ต.บ่อน้ำร้อน เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่า นางภัทรา สู้ณรงค์ หนึ่งในผู้สมัคร แพ้การเลือกตั้ง ส.อบต.เขตนี้ และ นายสุขุม เรืองฤทธิ์ พี่ชายของ นางภัทรา ก็ได้ประกาศตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า จะปิดไม่ให้มีน้ำประปาใช้กัน หากน้องสาวสอบตก

ล่าสุดวันที่ 2 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการระบบประหมู่บ้าน ม.9 ต.บ่อน้ำร้อน โดย นายสุขุม เรืองฤทธิ์ อายุ 60 ปี พี่ชายของ นางภัทรา สู้ณรงค์ อายุ 50 ปี อดีตผู้สมัคร ส.อบต. ม.9 ได้พาผู้สื่อข่าวลงไปดูพื้นที่ พร้อมกับแสดงโฉนดที่ดิน จำนวน 2 แปลง ซึ่งระบุชื่อ นายสุขุม เป็นเจ้าของที่ดินทั้งสอง มีเนื้อที่ติดต่อกัน

นายสุขุม กล่าวว่า ที่ชาวบ้านกล่าวอ้างว่า ตนไปประกาศว่าหาก นางภัทรา น้องสาว แพ้การเลือกตั้ง ส.อบต. จะปิดไม่ให้เข้าพื้นที่นั้น ตนยืนยันไม่เป็นความจริง ส่วนสาเหตุที่ต้องปิดไม่ให้เข้าพื้นที่ เพราะอยู่ในช่วงโควิด และต้องการให้ทีมนายก อบต.ชุดใหม่ เข้ามาเจรจาวางกติกาการใช้พื้นที่ร่วมกัน เพราะที่ดินบริเวณที่ตั้งระบบประปาและสระน้ำ ตนไม่ได้อุทิศให้ราชการแต่อย่างใด แต่อนุญาตให้ใช้ที่ดินกว้าง 20 เมตร ยาว 20 เมตร ตั้งแต่เมื่อปี 2540 ซึ่งตอนนั้นตนมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบันนี้ ทำให้หลายคนเข้าใจว่า ทั้งสระน้ำและที่ตั้งระบบประปาเป็นที่ดินสาธารณะไปแล้ว

ด้าน นางภัทรา บอกว่า ตนและครอบครัวได้ทำทุกอย่างเพื่อสังคมมามากแล้ว แต่เมื่อกระแสข่าวออกไปก็รู้สึกเสียใจ ซึ่งต้องคนต้องเข้าใจว่า ช่วงนี้เป็นช่วงโควิด และตอนนี้หมดวาระแล้ว หากเอาสระคืนมาได้ ก็จะนำมาเลี้ยงปลาเป็นอาชีพเสริม ซึ่งเมื่อก่อนก็สูบน้ำจากสระน้ำมากรอง และพักในบ่อน้ำ ก่อนส่งจ่ายให้ชาวบ้าน เป็นเวลา 2-3 ปี เพราะเห็นชาวบ้านเดือดร้อน เพราะน้ำเป็นสนิม แต่ตอนนี้นายก อบต.บ่อน้ำร้อน คนใหม่ ก็ยังไม่ได้เข้ามาพูดคุยอะไร และกลัวว่าหากเปิดให้เป็นที่สาธารณะนานๆ จะกลายเป็นของสาธารณะจริงๆ แต่กรณีนี้หากจะแก้ไขอย่างไร ก็อยากให้หลายฝ่ายมาพูดคุยกับตนเอง โดยอาจขอเช่าพื้นที่สระ หรืออย่างไร ตามที่จะตกลงกัน

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ