แม้จะเคยร่วมงานภาพยนตร์กันมาก่อน เมื่อ 9 ปีที่แล้ว สำหรับพระเอกหนุ่ม เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข กับนางเอกสาว เต้ย–จรินทร์พร จุนเกียรติ แต่ถือว่าทั้งคู่ได้ประคู่กันครั้งแรก ในละครเรื่อง มาตาลดา เพิ่งออกอากาศให้ชมกัน ทางช่อง 3HD กด 33 ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น.
เมื่อ sanook.com มีโอกาสเจอ เจมส์ จึงได้พูดคุยถึงคาแร็กเตอร์ในเรื่องนี้ กับการรับบทเป็นคุณหมอ ต้องเข้าฉากผ่าตัดหัวใจแบบละเอียดสมจริงสุดๆ รวมทั้งทำหน้าที่ลูกที่ดี ทุ่มเงินสร้างอาณาจักรบ้านสวนในฝันให้คุณพ่อคุณแม่ ที่บ้านเกิดจังหวัดพิจิตร พร้อมทั้งเล่าโมเมนต์โพสต์รูปคู่แฟนสาวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว แต่กลับถูกแซวแคปชั่นหวานกว่ามาก
บทบาทในเรื่อง มาตาลดา ?
“รับบทเป็น คุณหมอปุริม เป็นหมอผ่าตัดหัวใจ เล่าไปถึงตอนพีคก่อนแล้วกัน คือเขาบอกว่าให้ไปเวิร์กช็อปไม่คาดคิดว่าเขาจะให้เข้าไปดูตอนที่เขากำลังผ่าบายพาส เป็นเคสจริง แต่ได้รับการอนุญาตจากคนไข้ก่อน คุณหมอ และก็โรงพยาบาล ได้รับการอนุเคราะห์ให้เข้าไปดู จริงๆ แล้วเป็นยังไงบรรยาโดยรวม เหมือนที่เราคิดไว้มั้ย และดูวิธีการ หลังจากนั้นก็ไปเรียนคำศัพท์ต่างๆ ของการใช้ เขาใช้ยังไง ขั้นตอนการผ่าตัดหัวใจต้องทำอะไรก่อน วิธีการพูด วิธีการจับอุปกรณ์”
เห็นการผ่าตัดจริงเป็นอย่างไรบ้าง ?
“ตอนแรกก็ไม่ได้เสียวมากครับ ก็มีโอกาสได้ไปดูใกล้ๆ ด้วย ไม่ถึงกับเข่าอ่อน ด้วยความฟีลงานเวลาทำจริงๆ เขาก็จะปิดเหลือแค่ช่องที่เขาต้องการทำงาน ถามว่าเลือดเหมือนที่เราคิดมั้ย จริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้นครับ เขาจะมีคนดูดเลือดออกตลอดเวลา เขาต้องทำความสะอาดฟีลการทำงานให้ร่างกายคนไข้สะอาดที่สุด”
ไม่ใช่เล่นบทหมอครั้งแรก แต่เรื่องนี้จริงจังมาก ?
“จริงมากๆ ถ้าพูดถึงพาร์ตของหมอจริงจัง ผมว่าเรื่องนี้จริงจังที่สุดเลยครับ คุณหมอทุกคนมีใจอยากทำให้ภาพที่ออกมาในละครดูสมจริง และดูเป็นหมอจริงๆ มากที่สุด ปกติเราไม่ค่อยได้เห็นการผ่าตัดหัวใจในละคร หรือในหนังไทยสักเท่าไหร่ ซึ่งเขาอยากทำให้เต็มที่ การถ่ายทำจริงๆ แล้วถ้าเกิดดูในละคร เป็นคนจริงหมดเลยนะครับ มีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ใช่หมอ เป็นเคสผ่าตัดจริงๆ ทำงานจริงๆ อยู่ เป็นคุณหมอจริงๆ ที่อยู่รายล้อมทั้งหมดเลย”
การถ่ายทำพาร์ตเกี่ยวกับหมอต้องละเอียดมาก ?
“เป็นพาร์ตหมอที่สมจริงสมจังมาก คุณหมอให้ความร่วมมือดีขนาดที่ว่าเขาคิดช๊อตให้เลยนะ เราจะผ่าอันนี้ต้องไล่เรียงแบบนี้นะ มันถึงจะถูกต้อง เพราะว่าขั้นตอนทางการแพทย์จริงๆ คนนอกอาจจะไม่ได้รู้มาก ถ้าเกิดไม่ได้เรียนโดยตรงมา คุณหมอเขาจะคอยบอกจับแบบนี้ไม่ได้นะ พูดคำนี้ผิด พูดคำเกินไม่ได้ คุณหมอเขาตั้งใจมากๆ ที่จะทำให้ออกมาสมจริง”
ต้องถ่ายทอดความเป็นหมอให้สมจริงกดดันไหม ?
“กดดันตอนถ่ายมากครับ เพราะคุณหมอมานั่งดูด้วยนะครับ คุณหมอมานั่งอยู่หลังมอนิเตอร์บอกว่า คำนี้ไม่ได้ คำนี้ผิดอะไรอย่างเนี่ย คือถ้าเกิดว่าอะไรที่เป็นทางการแพทย์ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่กดดันมาก เราจะพยาบามทำออกมาให้ดีที่สุด คือผมชอบนะครับกระบวนการพวกนี้ มันจะทำให้งานที่เราทำออกมามันสมจริงที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้”
กลับมาร่วมงานกับ เต้ย จรินทร์พร ในรอบ 9 ปี ?
“พี่เต้ยน่ารักมากครับ เจอกันตอนภาพยนตร์ ไทม์ไลน์ ได้กลับมาเจอกันอีก อันนี้เป็นละครเรื่องแรกด้วยครับ ถามว่าทำไมเรียกเขาจารย์เต้ย เพราะว่าตอนนั้นเล่นไทม์ไลน์ผมยังละอ่อนมากๆ ยังเด็กน้อยมากแล้วได้เจอจารย์เต้ย แล้วจารย์เต้ยเขาเล่นเก่งมาก ผมก็งงว่าทำไมเขาแสดงหนังเก่งจัง ก็เลยพยายามเรียกจารย์เต้ยแล้วก็ขอความรู้เขา
จนระยะเวลาผ่านไป มันไม่ได้ทำงานด้วยกัน แต่ว่ายังคงสนิทกันด้วยการเจอไปเที่ยวด้วยกัน ก็ยังได้เจอได้พูดคุยกันตลอดจนสนิทกันมาก พอมาเจอกันอีกที ครั้งแรกที่จะเล่นด้วยกันมานั่งคุยกัน จะเล่นได้มั้ย กลัวขำกัน มันสนิทกันมากเกินไป กลัวเราจะตลกกันเองมั้ย ตอนแรกก็มีความกังวล สุดท้ายก็ขำอยู่ดี จนผู้กำกับด่าเลิกเล่นได้แล้วจะถ่ายไม่ทันแล้ว”
ได้ร้องเพลงประกอบละครเรื่องนี้ด้วย ?
“ได้ร้องเพลงเดียวครับ มันอยู่ในแผนการจริงๆ เราก็พยายามร้องให้เขาฟังบ่อยๆ ถ้าเกิดผู้จัดมาเราก็พยายามร้องใกล้ๆ ตรงนั้น ถ้าผู้จัดยังไม่มาเราก็ไปร้องให้ทีมงานหรือผู้กำกับฟัง เพราะว่าเวลาเขาคิดทำเพลง เขาจะได้นึกผมคนแรก ทุกเรื่องผมก็ทำแบบนี้ครับ”
เพลงนี้ยากไหม ?
“จริงๆ เพลงนี้ยากนะครับ ต้องใช้เสียงสูง คือพี่หนึ่ง ณรงค์วิทย์ ด้วยความที่เราได้รับสัมปทานในการร้องเพลงมา แล้วพี่หนึ่งก็เบื่อกับวิธีการร้อง เขาก็บอกว่าพี่ขอเปลี่ยนได้มั้ย เพลงนี้ก็เลยยากขึ้นไปกว่าเดิม เรื่องจังหวะหรืออะไรอย่างเนี่ย พี่หนึ่งเขาทำการบ้านมาว่า ไม่อยากให้เหมือนเดิม”
อยากกลับมาจริงจังกับงานเพลงอีกจะครั้งไหม ?
“ถ้าเอาแบบซีเรียสมากๆ ผมยังอยากทำเพลงอยู่ แต่ว่ามันยังหาสไตล์ที่เป็นตัวเองไม่ได้ คือเคยคิดได้แล้วไปคุย แต่มันก็ยังไม่ใช่ คือมันเริ่มตั้งแต่เราพอไม่ผ่านเรา เอ๊ะ ยังไม่อยากทำดีกว่า พยายามลองค้นหาสไตล์ไปเรื่อยๆ แต่ว่าเดี๋ยวใช้วิธีการใหม่ละ ผมว่ามันหายาก
หมายถึงว่าด้วยความยิ่งงานหลัก มันไม่ใช่งานร้องเพลง แล้วเราก็ไม่ได้มีโอกาสออกไปร้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ ทำให้เราไม่รู้ว่าสรุปเนื้อเสียงจริงๆ ตอนที่เราอยู่บนเวทีเป็นยังไง หรือว่าความสามารถในการร้องเพลงเราไม่ได้ร้องบ่อยขนาดนักร้อง เราก็ไม่กล้าข้ามขั้นนั้นไป ไม่คิดทิ้งงานร้องเพลงครับ ยังเป็นความฝันอยู่ คือแค่อยากมีเพลงในวิทยุ”
เป็นลูกชายที่ดีสร้างอาณาจักรให้พ่อแม่ที่ จ.พิจิตร บ้านเกิด ?
“มันเป็นความตั้งใจของคุณแม่ ที่เขาอยากมีบ้านสวนเพราะว่าพออายุเยอะแล้ว เขาก็ฝันอยากมีบ้านสวน เขาก็ไปคุยกับคุณพ่อว่าอยากทำ เราก็ช่วยลงมือทำให้ จริงๆ ตอนแรกจะปลูกแค่สวน บ้านผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นอยู่ตึกแถวในเมือง แต่ว่าอันนี้ก็เลยออกมาหน่อย
แต่พอไปปลูกแล้วมันตาย เวลาเราจะปลูกอะไรถ้าที่มันใหญ่มากๆ มันต้องมีระบบนิเวศของมัน พอทำใหญ่ขึ้นเสร็จปุ๊บเทียวไปเทียวมาก็เริ่มลำบากแล้ว ก็ต้องมีที่พักมีแอร์มีห้องน้ำให้มันสะดวก ก็เลยถือวิสาสะสร้างบ้านเลย”
ลงทุนไปเท่าไหร่ ?
“ผมไม่ได้นับเลย ถ้านับก็เยอะอยู่ครับ ถือว่าเป็นความสุขให้คุณพ่อคุณแม่ คือเขาอยากทำ ผมว่าอะไรที่เราทำให้เขาได้ก็อยากทำให้ครับ เนื้อที่ประมาณ 18-20 ไร่ จริงๆ ตอนแรกไม่ได้ถึงขนาดหรอก ก็ขยายไปเรื่อยๆ”
ผลผลิตที่ได้จากสวนจะมีการต่อยอดอย่างไร ?
“จริงๆ ไม่ได้จะขายด้วยนะครับ ตอนที่เขาทำแค่อยากจะมีบ้านสวน แต่มันแค่ใหญ่เกินไปแค่นั้นเอง และไม่ได้คิดถึงเรื่องการขาย คือคิดถึงเรื่องแค่ว่าถ้าเกิดมีเพื่อนของพ่อกับแม่มาเที่ยว ก็อาจจะเอาไปกิน หรือลูกหลานมาก็เอาไปฝากคนนั้นคนนี้ คือคิดแค่นั้นครับ”
ถามถึงเรื่องความรักหลายคนแซวแคปชั่นหวานกว่ารูปคู่ ?
“เรียกว่าเป็นปกติ หวานเป็นปกติ ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงรูป ก็มีบ้างเป็นครั้งคราว ไม่มีวาระอะไรเลย เป็นวันธรรมดา”
ปกติในชีวิตจริงคลั่งรักไหม ?
“ไม่แน่ใจว่านิยามของคลั่งรักคืออะไร แต่ว่าเป็นแบบนี้มาตลอด”
ระหว่างคู่เรา คู่บอย คู่อาเล็ก เวลาอยู่ด้วยกันใครหวานสุด ?
“ปกติผมหวานมั้ย ไม่รู้จะเทียบยังไง ไม่แน่ใจ ถ้าโดนแซว ผมว่าน่าจะเป็นผมโดนแซวน้อยที่สุดเลยนะ เขาจะไปแซวคู่อื่นกัน ที่มันดูแบบว่าโอเวอร์แอ็กติ้งนิดหน่อย”
จะเพิ่มความหวาน ความคลั่งรักขึ้นเรื่อยๆ ไหม ?
“อันนี้ไม่รู้เลยครับว่าเพิ่มยังไง แต่ว่าถ้าเกิดจะมีก็จะประมาณนี้เรื่อยๆ จะได้เห็นรูปมากขึ้นมั้ย ก็ถ้ามีโอกาสครับ ไม่รู้เหมือนกัน (ยิ้ม)”
ทำไมเลือกเอารูปคู่ไว้รูปสุดท้ายของโพสต์ ?
น่ารักดีครับ ค่อยๆ สไลด์หาจนเจอ (ให้ลุ้นเหรอ?) ครับ (ยิ้ม)”
ตามอ่านคอมเมนต์บ้างไหม ?
“ตามอ่านบ้าง ส่วนเขาไม่ได้พูดถึงเลยครับ ถามว่ามีช่วยกันเลือกรูปมั้ย อ๋อ มีช่วยเลือกรูปด้วยครับ ว่ารูปนี้ดีมั้ย”
มีการแอบแซวลงบลัฟฟ์คู่อื่นด้วยหรือเปล่า คู่อื่นเขาหวานกันมาก ?
“ผมไม่มีบลัฟฟ์เลยครับ คู่อื่นนี้เฉยๆ เลยครับ”
กระแสหลังจากลงรูปคู่ก็เป็นไปในทิศทางบวกมากแล้ว ?
“ผมว่ามันน่าจะเป็นจุดที่สบายใจขึ้นครับ ก็มีคนที่เห็นด้วย ชื่นชม น่ารักกับคู่นี้ เราก็ดีใจ”
สบายใจขึ้นด้วยไหม ?
“ผมก็สบายใจขึ้นด้วยนะ อาจจะด้วยระยะเวลาที่มันนานแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรที่เสียหาย”
เรื่องคนที่ไม่เห็นด้วยเขาอาจจะยังหวงเราอยู่ มีผลกระทบกับเราไหม ?
“คนที่ไม่เห็นด้วยใช่มั้ย จริงๆ ก็มีแหละครับ แต่ไม่ได้เยอะมากในสมัยนี้ หรือตอนนี้ มีผลกระทบกับความรู้สึกมั้ย คือผมก็เป็นห่วงเขาอยู่นะ คือพื้นฐานผมไม่ได้อยากทำให้ใครเสียใจ ก็ระยะเวลาเราก็พยายามทำให้ทุกอย่างลงตัวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
โฟมเคยพูดให้ฟังไหม กับประแสด้านลบ ?
“สมัยก่อนมี แต่ว่าตอนนี้ของผมแทบจะไม่มีเลย เพราะเราก็แค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันทำงาน”
ปลดล็อกอะไรหลายอย่างไหม ?
“เป็นเรื่องระยะเวลามากกว่า คือมันอาจจะไม่ใช่เหตุการณ์เดียวที่สามารถในระดับหนึ่งได้ ทุกอย่างมันค่อยๆ เดินไป อย่างที่มันเป็นไป”
คบกับโฟมกี่ปีแล้ว ?
“นานแล้วครับ”
หลังจากนี้จะลงรูปให้บ่อยขึ้นใช่ไหม ?
“ใช่ๆ อันนี้ก็แล้วแต่โอกาส แล้วแต่ความรู้สึกของจิตใจ อันนี้ตอบไม่ได้ว่าจะลงตอนนไหน ถามว่ามีสต๊อกไว้เยอะมั้ย ส่วนใหญ่จะลงสดๆ มากกว่า ส่วนแคปชั่นก็เปิดเน็ตแล้วมีแก้ไขบ้าง(หัวเราะ) ตรงกับสถานที่ ตรงกับรูป ตรงแคปชั่นครับ”