ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปาลีก 2020/21
รอบรองชนะเลิศ เลกที่ 2
คืนวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม 2021
โรมา 3-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
( แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบชิงฯ ด้วยประตูรวม 8-5)
สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก้, อิตาลี
1. รูปเกมที่ค่อนข้างเปิด โอกาสลุ้นประตูมีเยอะ34 ครั้ง คือตัวเลขของโอกาสทำประตูจากทั้งสองทีมรวมกัน ซึ่งแบ่งเป็นฝั่ง โรมา 21 ครั้งเข้ากรอบ 12 เป็น 3 ประตู และ แมนฯ ยูไนเต็ด 13 ครั้งเข้ากรอบ 5 เป็น 2 ประตู
ซึ่งช่วงแรกทีมเยือนมาเน้นตั้งรับและรอสวนกลับชัดเจน ส่วนเจ้าถิ่นเป็นฝ่ายดาหน้าบุกเข้าใส่ กระทั่ง ปีศาจแดง ออกนำจากจังหวะโต้กลับ ทำให้ครึ่งหลัง ทัพหมาป่ากรุงโรม ไม่มีอะไรจะเสีย เดินหน้าบุกเต็มสูบ
ซึ่งนั้นทำให้เกมค่อนข้างเปิดแลกกันอย่างสนุก ด้าน แมนฯ ยูไนเต็ด เองมีโอกาสโต้กลับหลายครั้ง ชนิดที่มีต่างฝ่ายต่างมีลุ้นกันแทบทุกนาทีเลยทีเดียว
2. มหาอุตม์ เด เคอาคงต้องบอกว่าถ้าวันนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้ ดาบิด เด เคอา ที่องค์ลงอย่างที่เห็น ปีศาจแดง อาจไม่ได้เข้าชิงก็เป็นได้ เพราะตั้งแต่ช่วงต้นเกมที่เจ้าตัวต้องออกแรงเซฟสวย ๆ หลายต่อหลายครั้ง
แถมในช่วงครึ่งหลังที่ โรมา ได้ประตูออกนำ 2-1 เป็นที่เรียบร้อย เหมือนกับว่าเจ้าถิ่นจะมีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งก็ได้นายด่านเลือดกระทิงดุรายนี้นี่แหละ ที่ปฏิเสธลูกยิงแบบต่อเนื่องที่ถาโถมเข้ามารัว ๆ ยิ่งกว่าปินกลได้แบบปาฏิหาริย์ จนเรียกได้ว่าเอารางวัล แมน ออฟ เดอะแมทช์ ไปได้เลย
แต่ก็อย่าลืมขอบคุณบรรดาแนวรับที่สามัคคีกันปั้นให้ เด เคอา ได้โอกาสงัดฟอร์มเก่งออกมาให้แฟนบอลได้เห็นกันแบบเต็มสองตาอีกครั้งในค่ำคืนนี้
3. คู่ชิง ไม่หมู อย่างที่คิด…คู่ชิงของ ปีศาจแดง ในปีนี้นั่นคือ บียาร์เรอัล ที่ยัดเสมอ อาร์เซนอล 0-0 ก่อนจะชนะไปด้วยสกอร์รวม 2-1 ในที่สุด โดยสถิติที่ผ่านมา 4 นัดที่พบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ใน แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มเมื่อปี 2005 และ 2008 ออกมาด้วยผลเสมอ 0-0 ทั้ง 4 เกม
โดนในปัจจุบัน ทัพเรือดำน้ำ จัดว่ามีขุมกำลังที่ไม่ธรรมดานำโดย เกราร์ด โมเรโน และ ปาโก อัลกาเซ สองดาวยิงชาวสเปนที่ยิงรวมกันแล้วถึง 38 ประตูในปีนี้ แถมยังมี เปา ตอร์เรส ที่เคยตกเป็นข่าวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด คอยคุมแนวหลัง
ที่สำคัญคือมี อูไน เอเมรี โค้ชที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งถ้วยรายการนี้ ยืนยันด้วยสถิติที่คว้าแชมป์มามากที่สุดในบรรดาผู้จัดการทีมทุกคนบนโลกใบนี้อีกด้วย