เกิดมาก็เก๋าเลย : การทำนายอนาคตตัวเองตอนอายุ 17 ของ ราอูล กอนซาเลซ

Home » เกิดมาก็เก๋าเลย : การทำนายอนาคตตัวเองตอนอายุ 17 ของ ราอูล กอนซาเลซ
เกิดมาก็เก๋าเลย : การทำนายอนาคตตัวเองตอนอายุ 17 ของ ราอูล กอนซาเลซ

ยุคนี้คือยุคของการทำลายสถิติอย่างแท้จริง ทุกคนจดจำการยิงระเบิดเถิดเทิงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่ไล่ทุบไล่ทำลายสถิติตลอดกาลของโลกฟุตบอลมากมาย

ทั้ง 3 คนคือผู้ยิงประตูในรายการ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มากที่สุดตลอดกาล และทุกคนมาจากยุคสมัยเดียวกัน ทว่าก่อนหน้าที่ยุคสมัยของพวกเขาเหล่านี้จะมาถึง คือยุคสมัยของราชาตัวจริง ชายผู้เคยสร้างสถิติลงสนามในเกมแชมเปียนส์ลีกมากที่สุด ยิงประตูในรายการนี้มากที่สุด และคว้าแชมป์ร่วมกับทีมได้ถึง 3 สมัย

นี่คือเรื่องราวของ ราอูล กอนซาเลซ กับความยิ่งใหญ่ที่โลกอาจหลงลืมไป เราจะย้อนกลับไปดูชมกัน ถึงยุคสมัยที่เขาถูกเรียกว่า “ราชา” ก่อนที่ตำแหน่งนี้จะถูกส่งต่อไปยังเหล่าปีศาจแห่งยุคสมัยใหม่

ทำนายอนาคตตัวเองตอนอายุ 17 ปี 

ความยิ่งใหญ่ที่กล่าวมาในข้างต้นสำหรับ เรอัล มาดริด และ ราอูล อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยหากจังหวะชีวิตของทั้งคู่ไม่ตรงกัน

ราอูล เป็นเด็กเมืองหลวงตั้งแต่เกิด เขาเล่นให้กับทีมท้องถิ่น และได้เซ็นสัญญากับ แอตเลติโก มาดริด ตั้งแต่อายุ 12 ปี หลังจากนั้น ราอูล คือนักเตะที่ดีที่สุดในอคาเดมีของทัพตราหมี เขาพาทีมคว้าแชมป์ในระดับชาติจนเกือบหมด แต่โชคร้ายไปหน่อยที่มันผิดยุค เพราะทีมกำลังขาดทุนแบบไม่มีทางออก เฆซุส กิล ประธานสโมสรในยุคนั้นต้องประกาศปิดทีมอคาเดมีของสโมสร เพื่อเป็นหนึ่งในมาตรการลดค่าใช้จ่าย 


Photo : footviser.com

นาทีนี้ตราหมีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะพวกเขาจะเซ็นสัญญา ราอูล ในฐานะนักเตะอาชีพเลยก็ไม่ได้ เพราะตอนนั้นเจ้าตัวยังอายุแค่ 13 ย่าง 14 ปี ซึ่งตามกฎของ ลา ลีกา ต้องอายุ 18 ปีเท่านั้น ครั้นจะเก็บไว้ในทีมเยาวชนก็ไม่มีที่ให้ลงเล่น ดังนั้นจึงกลายเป็นการส่งมองของขวัญชิ้นโตให้คู่อริร่วมเมืองที่ยิ่งใหญ่กว่า และรวยกว่า อย่าง เรอัล มาดริด ไปในท้ายที่สุด ซึ่งตัว ราอูล เองก็ไม่มีทางเลือก … เขาต้องไปต่อ เพราะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยมากนัก

 

“พ่อของผมเป็นช่างไฟฟ้า เราถือว่าอยู่ครอบครัวชนชั้นแรงงาน พ่อขับรถไปส่งผมที่สนามทุกวัน นั่นทำให้ผมยอมแพ้ไม่ได้” ราอูล เล่าไปย้อนกลับไปเมื่อครั้งอดีต 

เมื่อมาถึงอคาเดมีของ มาดริด ต้องใช้คำว่าพุ่งพรวดทะลุฟ้าจึงจะถูกต้องที่สุด เขาลงเล่นให้ทีมเยาวชนรุ่นยู 19 ปี ตอนอายุแค่ 16 แต่กลับยิงไป 16 ประตูจาก 9 เกมที่ลงสนาม นาทีนั้น ฮอร์เก บัลดาโน โค้ชของทีมก็เรียกตัวเขาขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ซึ่งในช่วงเวลานั้น เอมิลิโอ บูราเกนโญ ตำนานดาวยิงของทีมกำลังจะแขวนสตั๊ด ซึ่งในวันที่ ราอูล ได้มีโอกาสลงเล่นชุดใหญ่นั้น เขาอายุแค่ 17 ปีกับอีก 124 วัน … ไม่ธรรมดาแน่กับการเล่นให้ทีมอย่าง มาดริด ตั้งแต่วัยขนาดนี้ 

ด้าน บูตราเกนโญ ก็พูดถึง ราอูล ในเวลานั้นหลังจากเห็นด้วยตาของตัวเองว่า “นี่คือช่วงเวลาการส่งต่อมงกุฎของราชา” หลังจากสิ้นสุดคำพูดของตำนาน สำนักข่าวอย่าง Marca ก็รุดหน้าไปถึงที่เกิดเหตุและถาม ราอูล ในวัย 17 ปี เอาไว้ … ซึ่งหลายอย่างที่เขาพูดในวันแรกที่ได้เล่นกับทีมนั้น มันกลายเป็นเรื่องจริงในเวลาต่ออย่างเหลือเชื่อ


Photo : www.lanzadigital.com

“ฮอร์เก บัลดาโน บอกผมในการซ้อมทุกสัปดาห์ว่า อีกเดี๋ยวนายได้เล่นแน่ … ผมหวังว่าผมจะทำได้ดีและไม่ทำให้ใครผิดหวังก่อนเกมจะเริ่ม” ขณะที่ก่อนเรื่องราวทั้งหมดจะเริ่ม เขาถูกถามอีก 2 คำถาม คำถามแรกคือ “ราอูล คือนักเตะประเภทไหน ?” เขาตอบว่า “มีฝีมือและเก่งในพื้นที่สุดท้าย” 

และข้อสุดท้ายก่อนจาก Marca ถามว่า “คุณจำช่วงเวลาที่ แอตฯ มาดริด ได้บ้างไหม? … ราอูล ตอบเพียงว่า “ตอนนี้ผมมีแต่ เรอัล มาดริด เท่านั้น”

ยิ่งใหญ่ทุกมุมมอง

เด็กมหัศจรรย์ … ต้องพูดแบบนั้นจึงจะถูก ราอูล ฉายแววความเป็นโกลเดนบอยตั้งแต่เล่นให้กับ มาดริด ซีซั่นแรก ยิงไปถึง 10 ลูก สำหรับเด็กอายุ 17 ปี นั่นไม่ธรรมดาแล้ว และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาคือกองหน้าหมายเลข 1 ของทีมชนิดที่ว่าต้องออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกนัด … พรสวรรค์ด้านฝีเท้านั้นไม่ต้องพูดถึง ราอูล เป็นนักเตะประเภทที่เรียกได้ว่า เบอร์ 9 ผสม เบอร์ 10


Photo : www.marca.com

กล่าวคือมีทักษะในการจบสกอร์ที่เฉียบขาด พักบอลได้ และเข้าฮอร์สแบบถูกที่ถูกเวลาเสมอในแบบฉบับกองหน้าตัวเป้า ขณะที่ในแง่ของการสร้างสรรค์เกม ทักษะการเอาตัวรอด ความพริ้วและแพรวพราวในแบบฉบับหมายเลข 10 ราอูล ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ดังนั้นเขาจึงเป็นนักเตะเบอร์ต้น ๆ ในลิสต์ของทั้งดาวซัลโว และจอมแอสซิสต์ในหลาย ๆ ฤดูกาล

 

เหนือสิ่งที่เรียกว่าทักษะคือหัวจิตหัวใจ นักเตะหลายคนไม่สามารถมีสมาธิอยู่กับเกมได้ตลอด 90 นาที พวกเขาสติแตกเมื่อเจอคู่แข่งปั่นหัว เมื่อเจอแฟนบอลนับหมื่นโห่ และเมื่อทำผิดพลาดทุกอย่างก็ผิดเพี้ยนไปหมด แต่ ราอูล ไม่ใช่อย่างนั้น ต่อให้คนเป็นแสน เขาก็ยังเหนือชั้นได้แบบที่ไร้ซึ่งความกังวล 

“ราอูล เป็นนักเตะประเภทกล้าทำมากมายหลายสิ่งที่นักเตะคนอื่น ๆ ไม่คิดแม้แต่จะทำ เขาเดินลงไปในสนามอย่างมั่นคง ท่ามกลางผู้คนเรือนแสน เขาก็ยังลงเล่นได้เป็นธรรมชาติเหมือนกับว่าเตะบอลที่ถนนหน้าบ้าน” อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน ตำนานของทีมว่าเช่นนั้น

คำนี้จริงหรือไม่ คงไม่ต้องไขข้อข้องใจอะไรทั้งนั้น ราอูล กอนซาเลซ คือ “บิ๊กเกม เพลย์เยอร์” ของแท้และแน่นอน ในเกมใหญ่ ๆ และเกมสำคัญของ มาดริด ทีไร ไม่ว่ายุคไหน กาลาติกอส หรือแม้กระทั่งชุดที่ผู้เล่นยังไม่ได้โด่งดังมากมาย ชื่อของเขาปรากฎบนตารางสกอร์บอร์ดทุกครั้งไป สถิติการยิงประตูใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หรือรายการที่รวมเอาสุดยอดทีมในยุโรมมารวมกันนั้นยืนยันได้อย่างดี ราอูล ซัดไป 71 ลูก จากการลงเล่น 142 เกม  

3 ครั้งในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่ มาดริด จบเกมด้วยการเป็นแชมป์ มี ราอูล เป็นผู้ยิงประตูในเกมนัดชิงดำถึง 2 ครั้ง คือในฤดูกาล 1999-2000 และ 2001-02  นอกจากนี้ยังมีประตูในรอบตัดเชือกอีกไม่ต่ำกว่า 10 ลูก ที่ราอูล เป็นผู้ยิงประตูให้กับทีมอีกด้วย อาทิในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฤดูกาล 1999-2000 ที่ เรอัล มาดริด บุกชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 ราอูล คือผู้ยิง 2 ประตูในเกมนั้น จนขนาดที่ว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องกล่าวยกย่อง

“เรอัล มาดริด เต็มไปด้วยสตาร์ พวกเขาทุ่มซื้อนักเตะระดับโลกทุกปี ไม่ว่าจะ หลุยส์ ฟิโก้, ซีเนดีน ซีดาน หรือ โรนัลโด้ แต่ในความคิดของผม นักเตะที่ดีที่สุดในโลกคือ ราอูล กอนซาเลซ” เฟอร์กี้ ว่าไว้เช่นนั้น 

 


Photo : www.espn.in

ความยิ่งใหญ่ของ ราอูล ถูกกล่าวถึงโดยเพื่อนนักเตะและคู่แข่งและเพื่อนร่วมทีมแทบจะทุกที่ที่ร่วมงานด้วย … มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดในรอบด้าน การที่ศัตรูชม นั่นแสดงว่าเขาเป็นนักเตะที่เก่ง และการที่เพื่อนร่วมทีมชม แสดงให้เห็นถึงแง่ “ความเป็นคน” ของ ราอูล เขาแทบไม่มีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ มีวินัยตลอด มีทัศนคติในการเล่นที่ดี และเป็นคนที่เพื่อนสามารถไว้ใจได้ 

“ราอูล เป็นเหมือนกับโฉมหน้าของสโมสรในช่วง 25 ปี นับตั้งแต่เขาเข้ามา หากคุณต้องการจะเขียนเรียงความเพื่ออธิบายความยิ่งใหญ่และคุณสมบัติของ ราอูล คุณจะได้สิ่งเดียวกับที่ มาดริด ไขว่คว้ามาได้ เขาคือ อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน ในยุคของเรา … ความมุ่งมั่น, การยึดถือในความพยายามเหนือสิ่งอื่นใด เขาแสดงความเป็นมืออาชีพออกมาในทุกวัน ๆ ราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา” นี่คือสิ่งที่ บัลดาโน ผู้ให้โอกาส ราอูล พูดถึงความยิ่งใหญ่ของนักเตะรายนี้ 

นี่ไม่ใช่สิ่งที่นักฟุตบอลทุกคนจะทำได้ … อะไรทำให้ ราอูล คือแชมเปียน ทั้งในสายตาพวกเดียวกันเอง หรือแม้กระทั่งคู่แข่งฝั่งตรงข้าม เรื่องนี้มีที่มา

จงเป็นคนที่น่าเคารพ

ว่ากันว่ามี 2 อย่างที่ทำให้คนเราได้รับความเคารพจากผู้อื่น หนึ่งคือทำให้เขากลัว และสองคือการเริ่มให้ความเคารพกับคนเหล่านั้นและงานที่ทำ … ราอูล คือตัวเลือกหมายเลข 2 อย่างไม่ต้องสงสัย 


Photo : RMadridHome_ @RMadridHome_

“ความสามารถไม่ใช่ทุกอย่างของเกมฟุตบอล คุณเองต้องมีใจที่รักในสิ่งที่ทำจริง ๆ” ราอูล เริ่มเล่าหลังจากเขาผ่านชีวิตค้าแข้งเกือบ 1,000 นัด ยิงไปมากกว่า 400 ประตู และชูถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์ไปมากกว่า 20 รายการ 

“ของแบบนี้มันเริ่มตั้งแต่เด็ก ๆ ทุกคนควรได้รับการสอนที่ได้ทั้งความสนุกและแสดงให้เห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำ ต้องเข้าใจถึงเหตุผลและความจำเป็นของคำว่า ‘เล่นเป็นทีม’ ซึ่งกว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ก็ต้องสร้างความสนิทสนมกับคนอื่น ๆ ยอมเสียสละบ้าง และไม่ลืมที่จะมั่นใจในตัวเอง”

“การเป็นนักฟุตบอลอาชีพถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ ถ้าใครไปถึงจุดนั้นได้ต้องบอกกับตัวเองได้แล้วว่า เรากำลังเดินทางบนเส้นทางแห่งฝัน ดังนั้นจงทำงานหนักและสู้เพื่อความฝันของตัวเองให้สุดแรงเกิด” 


Photo : www.teahub.io

ความสนิทสนมและเป็นหนึ่งเดียวกันคือสิ่งสำคัญมาก แม้แต่ในยุคที่ เรอัล มาดริด ถูกเรียกว่า กาลาติกอส ที่เต็มไปด้วยสตาร์ระดับโลกซึ่งต้องเชือดเฉือนกันเองเพื่อแย่งตำแหน่ง 11 ตัวจริง ทีมชุดดังกล่าวก็ยังกล่าวถึง ราอูล ในแง่ของคนที่ทุกคนในสโมสรให้ความเคารพอยู่เสมอ แม้กระทั่งในวันที่เลิกเล่น กลุ่มกาลาติกอส ก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนสนิทนอกสนามมาจนทุกวันนี้ 

ซีเนดีน ซีดาน และ หลุยส์ ฟิโก้ 2 สตาร์ของทีมที่ได้บัลลงดอร์คนละ 1 สมัย พูดถึงราอูล แบบที่ตรงกันเป๊ะ ในแง่ของความเป็นคนมีทัศนคติในฐานะนักเตะอาชีพอย่างสมบูรณ์แบบ หาก ราอูล กอนซาเลซ ลงสนาม นั่นหมายความว่าทุกคนในทีมจะเล่นกันแบบเหยาะแหยะไม่ได้เด็ดขาด เพราะการเล่นอย่างเต็มที่ร่วมกันทั้งหมด คือการให้ความเคารพกันในกลุ่มผู้เล่นระดับโลกเฉกเช่นกลุ่ม กาลาติกอส 


Photo : www.marca.com

“คนอย่าง ราอูล ถือว่าเป็นบุคคลตัวอย่างสำหรับคนที่จะก้าวลงสู่สนามการแข่งขัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม” ซีดาน ว่าเช่นนี้ ขณะที่ ฟิโก้ ก็ยืนยันตรงกันว่า “ผมคิดว่า ราอูล คือผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่ตลอดกสาลคนหนึ่ง เขาเดินเหยียบลงสนามแข่งขัน สร้างความประหลาดใจที่น่ามหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นมากมาย” 

สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวของ ราอูล คือเขาไมได้แขวนสตั๊ดกับสโมสรที่เขาเรียกว่า “ทั้งหมดของชีวิต” เพราะเมื่อฤดูกาล 2009-10 มาถึง สโมสรต้องการการเปลี่ยนแปลง และนำนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, กาก้า และ คาริม เบนเซมา ที่มาร่วมทีมแล้วก่อนหน้านี้เป็นแกนหลัก นั่นจึงทำให้เขาต้องออกจากทีมไปแบบที่เจ็บปวดใจไม่แฟนบอลราชันชุดขาว ณ เวลานั้น 


Photo : www.realmadrid.com

“ตอนที่ผมอายุ 30 ปี ผมเคยหวังว่าผมจะได้แขวนสตั๊ดที่ มาดริด การย้ายออกมาและต้องแขวนสตั๊ดในต่างแดนนั้นเจ็บปวดแน่นอน แต่สิ่งที่ผมทำได้คือการเคารพการตัดสินใจของโค้ช เหมือนกับที่ผมเห็นมาตลอดชีวิต เมื่อถึงเวลานักเตะบางคนก็ต้องออกจากทีมไป”

“ตัวผมเองเล่นฟุตบอลต่อได้อีก 6 ปี ในวันที่จากทีม มันนานจนน่าเสียดาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะสามารถเข้าใจถึงเหตุผลและยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างน้อยในบ้างแง่มุมมันก็มีข้อดีกับอาชีพการค้าแข้งของผมเหมือนกัน” เพราะหลังจากนั้น ราอูล ย้ายไปเล่นที่ ชาลเก, อัล ซาดด์ และ นิวยอร์ก คอสมอส ซึ่งได้รับการสรรเสริญไม่ต่างจากที่ได้รับกับ เรอัล มาดริด เลย

การจบที่ไม่สวย ไม่ได้แปลว่าจะต้องจงเกลียดจงชังกันตลอดไป ราอูล แขวนสตั๊ดในปี 2015 และสิ่งเดียวที่เขาคิดถึงคือ เรอัล มาดริด เขากลับมาทำงานในทีมเยาวชนของสโมสร และเป้าหมายเดียวของเขาคือการสร้าง “นิว ราอูล” ให้กับสโมสรแห่งนี้เหมือนที่เขาเคยสร้างปรากฎการณ์เมื่อครั้งอดีต 


Photo : www.forbes.com

“ความฝันของผมในตอนนี้คืการมีส่วนร่วมกับ เรอัล มาดริด ไปอีกนาน ผมไม่รู้ว่าผมจะถูกขังให้ทำงานเอกสารในห้องสำนักงานหรือเปล่านะ แต่ที่แน่ ๆ ผมอยากจะเป็นโค้ช ผมกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือพวกเราทุกคน ผมอยากจะถ่ายทอดหลายสิ่งที่ผมเคยผ่านมา มุมมองต่อฟุตบอลที่ผมมี ในช่วงที่ผมเล่นกับนักเตะที่ยิ่งใหญ่อย่าง เอียร์โร, เชนโด และ ซานชีส คอยดูแลผมเหมือนกับเป็นลูกนกที่ซุกอยู่ในใต้ปีก”

“ผมอยากจะดูแลเด็ก ๆ ที่เข้ามาในสโมสร ปลูกฝังแนวคิด จรรยาบรรณในการทำงาน ความอ่อนน้อมถ่อมตน ในทุก ๆ ปีจะมีเด็กมาคัดตัวกับเรามากมาย และผมมั่นใจว่าผมสามารถเปลี่ยนแปลงเด็กเหล่านี้ได้แน่นอน”

เห็นได้ชัดว่านอกจากความเก่งแล้ว คนเรายังสามารถถูกคนอื่นพูดถึงในแง่ของการชื่นชมและสรรเสริญความยิ่งใหญ่ได้อีกหลายทาง อย่างน้อย ๆ คือการเป็นคนที่ทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ แสดงออกด้วยผลงานมากกว่าคำพูด และทำทุกอย่างออกมาจากใจ 

ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ปลายทางของ ราอูล กอนซาเลซ เป็นตำนานบทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบทหนึ่งของสโมสรอันดับ 1 ของโลกอย่าง เรอัล มาดริด อย่างไร้ข้อกังขา 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ