เกจิดัง มรณภาพ 20 ปี ร่างไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังเป็นสีเขียวมรกต แห่ไหว้-ลอดสรีระสังขาร

Home » เกจิดัง มรณภาพ 20 ปี ร่างไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังเป็นสีเขียวมรกต แห่ไหว้-ลอดสรีระสังขาร


เกจิดัง มรณภาพ 20 ปี ร่างไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังเป็นสีเขียวมรกต แห่ไหว้-ลอดสรีระสังขาร

แห่ไหว้ “หลวงปู่วรพรตวิธาน” ละสังขาร 20 ปี สังขารไม่เน่า ผิวหนังเป็นสีเขียวมรกต เชิญร่วมทำบุญครบรอบวันละสังขาร เปิดให้ลอดสรีระสังขารเพื่อสิริมงคล

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดจุมพล บ้านก้านเหลือง ต.ก้านเหลือง อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร หลวงปู่วรพรตวิธาน อดีตเจ้าอาวาสวัด ยังคงมีลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธาน เดินทางมากราบไหว้ ซึ่งทุกคนจะทราบดีว่า ท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสาน

มีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี 2503 ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก (ลอยขึ้น) โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจาก อ.พล จ.ขอนแก่น ด้วยรถโดยสาร เพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ด รถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้ว พระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับ เพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่น

แต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้ว ด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้ คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถ หลวงปู่ก็ปฏิบัติตาม แต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่พูดกับคนขับรถว่­า “โยม รถจะไม่เดี่ยงหรือ” (เดี่ยง เป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า “กระดก”) คนขับก็บอกว่า “หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลย รถมันไม่เดี่ยงหรอก เพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”

พอคนขับพูดจบ หลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถ ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันที ด้านหน้ารถลอยขึ้น คนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้า โดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลัง ตั้งแต่นั้นมาสมญานาม “หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง” จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป

ผู้สื่อข่าวพบกับ นายสมศักดิ์ มาตรงามเมือง อายุ 60 ปี ชาวบ้านที่คอยดูแลมณฑปที่ตั้งสรีระสังขารหลวงปู่วรพรตวิธาน ซึ่งพาผู้สื่อข่าวเดินชมพร้อมทั้ง เปิดเผยว่า ที่วัดจุมพลแห่งนี้ จะมีชาวบ้าน ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่ศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปู่วรพรตวิธาน แวะเวียนมากราบสรีระสังขารของหลวงปู่ที่เป็นสีเขียวมรกต ไม่เน่าเปื่อย อย่างไม่ขาดสาย

แต่ละวันชาวบ้านในพื้นที่จะมาทำบุญที่วัดทำนุบำรุงพระพุทธศาสนากัน และในช่วงที่มีงานบุญก็จะมีคนมาเต็มวัด ซึ่งที่วัดก็จะเปิดให้ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไปได้เข้ามากราบสีระสังขารหลวงปู่และพาลอดสังขารหลวงปู่ เพื่อความเป็นสิริมงคล ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากตัวตามความเชื่อ โดยตนจะเป็นผู้นำพูดกล่าวขอขมาและลอดด้านล่างของสรีระสังขารหลวงปู่ 3 รอบ และพาต่อด้วยการยกหินทำนายตามคำขอ และพาปิดทองรูปหล่อหลวงปู่วรพรตวิธาน เพื่อความเป็นสิริมงคล

ด้านพระครูสิริ ภัทรสาร เจ้าอาวาสวัดจุมพล กล่าวว่า ทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จ ก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวัน โดยจำได้ว่าในวันที่ 18 ม.ค.2544 ท่านก็พูดแปลกๆว่า ปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว อาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหน หลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้ว ตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้ ซึ่งคำพูดของท่านเป็นวาจาสิทธิ์ พูดคำไหนก็คำนั้น

เมื่อท่านเสีย ก็ฉีดยา หมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่ 6 เดือน สังขารก็จะเน่าเปื่อย ทางวัดก็เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดา โลงแก้วธรรมดา ที่ไม่ได้ติดตั้งอะไร ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.2544 จนถึงปัจจุบัน โดยในโลงจะใส่ใบชา ยากันชื้น การบูร และไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ

“เมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาล จากนั้นพบว่าในวันที่ 14 ส.ค.2553 ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียว ซึ่งก่อนที่จะพบเห็น ฝันว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ ตอนเช้าเป็นวันพระ มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกัน เลยพากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ ที่บริเวณศีรษะของท่าน

ตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปี คิดว่าเป็นเชื้อรา ก็เลยนำแผ่นทองมาปิด กลัวชาวบ้าน ญาติโยม คิดว่าเรานำสีไปทาท่าน แต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิม ซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฏทั้งสังขาร แต่ผ่านไปได้ประมาณ 1 เดือน ก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขาร กลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้” เจ้าอาวาสวัดจุมพล กล่าว

เจ้าอาวาสวัดจุมพล กล่าวต่อว่า ตอนนั้นโซเชียลกำลังเป็นที่นิยม ลูกศิษย์ลูกหาก็มาถ่ายรูป และส่งต่อๆกันไป หลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้ว ก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปี และเปลี่ยนจีวรทุกปี ในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้ คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติด เพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่าง ให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ ลาภยศ สรรเสริญเอาไปไม่ได้ สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไป หลายๆรุ่น

จะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำ อย่างไรก็ตามในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่าน ในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่ อาตม ก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่ 16 เม.ย.จึงยึดถือมาตลอด ส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขาร จะทำวันที่ 20 พ.ค.ของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน 6 ของอีสาน คือบุญบั้งไฟ ละสังขารมาแล้ว 22 ปี

หลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลย ปีนี้ก็จะจัดตามปกติ กิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟ มีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่ นิมนต์พระมาสวดพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ