อุตตม เปิดใจโชว์วิสัยทัศน์ 5 สร้าง ชู ‘สมคิด’ แคนดิเดตนายกฯ ชี้คนเริ่ม ‘บัตรประชารัฐ-เป๋าตัง-อีอีซี’ ตั้ง 5 ขุนพล ดูแลพื้นที่ เหนือ-กลาง-ใต้-อีสาน-กรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวเปิดใจหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคว่า นับจากนี้ ตนและทีมงานจะขับเคลื่อนเพื่อให้ พรรคเป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคง เป้าหมายสูงสุดอันดับแรกคือ การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งเศรษฐกิจและปากท้อง เผชิญภาวะของแพงรายได้ตกต่ำ คนจนลง ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นการตอกย้ำความเหลื่อมล้ำในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน วันนี้เรามองไม่เห็นอนาคตดีๆ สำหรับลูกหลานเลย
นายอุตตม กล่าวว่า ปัญหาที่เราอาสามาแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถ้าง่ายวันนี้ ผู้ที่มีอำนาจในปัจจุบันหรือในอดีต สามารถแก้ไขเรียบร้อยไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ประชาชนจะได้มีพรรคทางเลือกที่เป็นที่พึ่งได้ นี่คือเหตุผลที่เรามาร่วมกันทำพรรค สอท. เพื่ออาสาเสนอทางออก และเสนอชุดความคิดใหม่ เพื่อนำไปสู่นโยบายและแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ตนเชื่อว่าทุกคนที่มาร่วมทำงานกับพรรค ไม่ได้เข้ามาแสวงหาอำนาจ และเราไม่เคยแสวงหาไขว่คว้าหาอำนาจนั้น หากคนที่อยู่ในแวดวงการเมืองวันนี้สามารถแก้ไขปัญหาให้รู้ล่วงไปได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องมาทำงานการเมือง
พรรค สอท. จะเป็นพรรคที่ทำงานอย่างจริงจัง ไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน หรือพวกพ้อง โดยมีชุดนโยบาย 5 สร้างคือ 1.สร้างเศรษฐกิจฐานรากไทยให้เข้มแข็งและทันสมัย 2.การสร้างเศรษฐกิจใหม่หรือโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต 3.สร้างคนและวิทยาการที่พร้อมที่จะก้าวสู่สังคมโลกแห่งอนาคต 4.สร้างสังคมที่เป็นธรรมและเกื้อกูล และ 5.สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ เพราะที่ผ่านมาเราติดกับดักการแย่งชิงอำนาจ คือเมื่อเข้าสู่อำนาจแล้วก็จะยึดติด และพยายามสืบทอดอำนาจ ก่อให้เกิดความร้าวฉาน และแบ่งพรรคแบ่งพวก นำไปสู่ภาวะชะงักงันในการบริหารราชการประเทศ
นายอุตตม กล่าวว่า พรรคสอท. จะขอยืนเคียงข้างกับประชาชนและปฏิเสธการเมืองเช่นนี้ โดยจะสร้างพลังบวกให้การเมืองไทยเพื่อตอบโจทย์ แก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ เราจะทำงานการเมือง โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ร่วมกันสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ช่วยกันหยุดประชาธิปไตยเทียม ที่ยึดอยู่กับการตอบสนองผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติและส่วนรวม
นายอุตตม กล่าวว่า ส่วนบัตรประชารัฐที่ใช้อยู่นั้น เราเป็นผู้ริเริ่มคิดขึ้น ซึ่งเราอยากเข้าไปต่อยอดให้ดีกว่าเดิม รวมถึงแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ระบบพร้อมเพย์ ที่เราเป็นคนริเริ่มใช้ก็ประสบความสำเร็จ และยังใช้เป็นเครื่องมือเยียวยาประชาชนอยู่ ส่วนโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรืออีอีซี เราก็เป็นผู้ริเริ่ม เพื่อเป็นพื้นที่สนับสนุนการลงทุนทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนานำพาประเทศให้ก้าวทันโลก แต่ด้วยเงื่อนไขทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่ได้ทำงานมาระยะหนึ่ง ไม่สอดคล้องกลับความตั้งใจของเราที่จะเข้าไปทำงาน เราจึงก้าวออกจากวงการการเมือง
นายอุตตม กล่าวว่า จากนี้ไปเป็นการนับหนึ่งพรรค สอท. อย่างเต็มอัตรา โดยเราจะเสนอ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค สอท. เพราะสามารถเป็นผู้นำประเทศในอนาคตได้
“ส่วนคำถามที่ว่า เราจะสู้พรรคเก่าได้หรือไม่นั้น ผมเชื่อว่าตรงนั้นเป็นความคิดการเมืองแบบเก่า วันนี้ประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว สามารถแยกแยะได้ว่า นี่คือการยึดติดกับการเมืองไม่สร้างสรรค์มากกว่าที่จะมุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชน จะทำให้ประเทศไทยไม่ไปไหน และการเมืองติดหล่มสังคมมีแต่ความขัดแย้ง วันนี้จึงเป็นหน้าที่ของพรรค สอท. โดยการเสนอชุดความคิดใหม่และเสนอนโยบายเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนและโอกาสของประเทศ” นายอุตตม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนปิดการประชุม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ได้แนะนำขุนพลเลือกตั้งทั้ง 5 ภาคของพรรค ที่จะขับเคลื่อนการทำงานได้แก่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เป็นประธานภาคใต้ นายสุพล ฟองงาม ประธานภาคอีสาน นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ประธานกรุงเทพฯ นายวัชระ กรรณิการ์ ประธานภาคกลาง และนายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ประธานภาคเหนือ