อิงฟ้า เคลียร์ใจ มีนา – สุลักษมิ์ ไม่เกาเหลาต่างคนต่างอยู่
จากกรณีดราม่า ที่มีแฟนนางงามจวกยับ มีนา ริณา มิสแกรนด์นครราชสีมา ไลฟ์ขายน้ำพริกเหมือนไม่เต็มใจทำงาน ทำให้รุ่นพี่อย่าง อิงฟ้า วราหะ ออกมาโพสต์เตือนว่ามันใช่เรื่องที่ควรมาพูดเล่นไหม จากนั้นก็มีดราม่าเข้ามามากมาย เพราะมีนางงามรุ่นพี่ “รัก สุลักษมิ์” อดีตมิสแกรนด์สุราษฎร์ธานี2022 เข้ามาร่วมผสมโรงด้วย
ล่าสุด อิงฟ้า วราหะ ได้ออกมาเปิดใจหลังได้เคลียร์ใจ กับมีนาแล้วในห้องดำ แต่กับ รัก สุลักษมิ์ ต่างคนต่างอยู่
พร้อมทั้งเผยถึงโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ PROJECT D ที่ร่วมแสดงกับนักแสดงหนุ่ม “พีพี กฤษฏ์” มีเหตุต้องเลื่อนการถ่ายทำออกไปแบบไม่มีกำหนดโดยยอมรับว่าเสียดาย
ล่าสุดไปเป็นกรรมการในห้องดำฟีดแบ็กหลายคนก็ชมบอกว่าเราทำการบ้านมาดีเหมือนไปรู้จักทุกคน 77 คน? “(ยิ้ม) ก็ไม่รู้ หนูก็ดูตลอด อาจจะด้วยคนฝากความหวังให้เราช่วยดูช่วยสแกน เขาไว้ใจเราในเรื่องของโซเชียลในเรื่องการทำงานต่างๆ เขาก็ให้เราช่วยดู ว่าเด็กคนนี้ทำงานกับเราได้ไหม โซเชียลกระแสเป็นยังไง เราก็ดูตลอดว่ากระแสไปในทิศทางไหน คนนี้ต้องปรับอะไร คนนี้มีแววยังไง เราก็จะดูตลอดค่ะ”
นั่งตรงนั้นมันรู้สึกยังไงกดดันไหมหรือมองยังไงเพราะปีที่แล้วเราก็นั่งฝั่งตรงข้าม? “หนูไม่กดดันค่ะ แต่เห็นใจน้องๆมากกว่า เวลาที่เราอยู่ในจุดนั้น ที่ได้นึกถึงตัวเองตอนปีที่แล้ว เราคงไม่อยากเจอคำถามอะไรที่มันโหดมาก แต่จริงๆเราพยายามจะให้น้องๆดึงศักยภาพของตัวเองออกมา บางคนไม่กล้าที่จะพูดบางคนยังตื่นเต้นอยู่ อยากจะให้น้องๆผ่อนคลายให้คำแนะนำที่ตรงจุดกระชับเวลาให้มากที่สุด”
อย่างเคสกับน้องมีนาหลายคนชื่นชมที่เราได้แนะนำแล้วเหมือนได้เคลียร์ใจ รู้สึกไหมว่าจะถูกจับตา? “คิดไว้อยู่แล้ว เพราะว่าแฟนคลับน้องค่อนข้างเยอะ แต่ส่วนตัวหนูมองว่ามันไม่ได้มีอะไรหรอก บางคนสื่อไปอีกแบบตีความไปอีกแบบมากมายหลากหลายความคิด พอได้พูดคุย ถึงได้บอกว่าเวลามีปัญหาอะไรเคลียร์กันต่อหน้าคุยกันต่อหน้ามันถึงจะชัดเจน”
จังหวะที่น้องเขาน้ำตาไหลเรารู้สึกยังไง? “เห็นว่าเขาจะร้องไห้ตั้งแต่บอสพูดแล้ว แต่เขาพยายามจะข่มไว้ แต่ถ้าร้องไห้เราก็อยากให้เขาร้องนะ คือบางทีถ้ามันแข็งเกินไป ผู้ใหญ่นั่งอยู่ด้วย ถ้าเราเซ้นสิทีฟเราอยากร้องก็ร้องเลย มันก็ไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอ แต่เท่าที่ดูวันรุ่งขึ้นน้องเขาก็ดูสดใสขึ้นเลย”
คือพอได้เคลียร์ใจกับน้องก็เข้าใจใช่ไหมว่าคำพูดที่น้องต้องการจะสื่อสารตอนแรกมันหมายความว่ายังไง? “หนูก็พอจะมองน้องออกว่าเขาเป็นคนแบบไหน เขาอาจจะเป็นคนที่แบบว่าคาแร็กเตอร์การพูดเขานั่นแหละค่ะที่มันจะต้องปรับจริงๆ อาจจะไม่ได้มีอะไรหรอก”
(รัก สุลักษมิ์) คนที่เขามาไลฟ์บอกว่าเสียความรู้สึกตรงนี้เรามองว่ายังไง? “หนูว่าเขาก็คงไม่ได้มีอะไรหรอก คือตอนประกวดเราไม่ได้มีอะไรคุยกันเท่าไหร่ หลังจากการจบการประกวดไปก็คือแยกย้าย เขาไปทางของเขา เรามาสายของเรา จริงๆมันมีกระทบกระทั่งจิตใจเราบ้างเล็กน้อย
มันจะมาจากคำพูดของคนอื่นที่มาเล่าให้เราฟังว่าเขามีการพูดถึงเราในลักษณะนี้นะ เรารู้สึกว่ามันไม่จริงหรอก บางทีอาจจะคิดกันไปเอง ซึ่งมีโอกาสได้เจอเขาเมื่อไม่นานมานี้ เขาบอกว่าขอโทษนะแม่ที่เคยพูดถึงแม่ไม่ดี เราก็สะกิดในใจ
อ้าว สรุปเคยพูดไม่ดีเหรอ แต่เราก็ไม่ได้อะไร เราก็โอเค เพราะว่าถ้าเกิดจริงๆแต่อย่างน้อย เขาก็กล้าที่จะเดินมาขอโทษเรา เราก็โอเค แต่พอไม่นานมันก็มาเกิดเหตุการณ์ในไลฟ์สดนี้ขึ้น การที่เราเป็นคนในองค์กรแล้วเราแนะนำน้อง เรารู้สึกว่าการให้กำลังใจหรือการพูดคุย พูดเล่นมันอาจต้องดูในเรื่องของความเหมาะสม
เราไม่ได้ถือหรอกนะ เราอยากจะให้ดูเรื่องของการเวลา เราแค่มองว่าตัวน้องมีนา เขาสามารถไปได้ไกลมากกว่านี้ แล้วเขากำลังอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ เราอยากให้เขาปรับให้ถูกจุดแต่ถ้าเกิดไปเพิ่มความมั่นใจให้น้องในทางที่ผิด เราก็จะปรับให้เขาไม่เดินตามรอยไป เพราะว่าเราคิดว่าเขาไปได้ไกลกว่านี้เท่านั้นเอง เราก็เลยเสียความรู้สึก มันไม่ใช่แค่เกิดเรื่องนี้มา แต่มันมีสตอรี่ของมัน”
แล้วเราคิดว่าเขายังติดใจกับเราอยู่ไหม? “หนูก็ไม่รู้นะว่าติดใจไหม แต่เขาก็ไม่ได้ขอโทษหนู เพราะหลังจากเกิดเรื่องเขาก็หายไปเลย ในทวิตเตอร์เขาบล็อกหนูค่ะ”
เรียกว่าเกาเหลากัน? “ตอนเนี่ยสำหรับหนูไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดแต่ก็แค่ต่างคนต่างอยู่ เราก็ทำงานของเราก็แค่เคารพซึ่งกันและกัน”
ซีเรียสมั้ยเพราะทั้งคู่ก็ต่างมีแฟนคลับ อาจจะมีการปะทะกันทางโซเชียล? “ไม่ ไม่ ก็คือแฟนคลับ เขาก็รัก ที่เขาเป็นเขา แฟนคลับเราก็รัก ที่เราเป็นเรา เราก็เคารพความคิด”
หลังจากที่เราได้เข้าห้อง 77 คน ได้มองว่าใครคือจะเป็นร่างสองเรา? “มีค่ะ แต่ไม่ได้เป็นแบบเรา อาจจะไปอีกสายหนึ่งที่เรารู้สึกว่ามีความน่าสนใจแปลกใหม่ มีในใจแต่ไม่ใช่คนเดียวค่ะต้องให้เขาใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเอง”
ถามประเด็นที่มีคนมาถามเราว่ารับงานกินข้าว มันมีผลกระทบอะไรไหน ? “ไม่มีเลย หนูรู้สึกว่ามันไร้สาระมาก ทางเพจที่ทำหนูรู้สึกว่ามันเป็นเพจขยะ ถ้าคนเชื่อก็แล้วแต่วิจารณญาณไป จริงๆเราไม่จำเป็นจะต้องออกมาพูดก็ได้ พราะหนูรู้สึกว่า มันไม่ใช่เรา”
ภาพยนตร์ ‘PROJECT D’ ที่ไม่ได้ถ่าย หลายคนเสียดาย? “จริงๆมีการเวิร์กช็อปกันหลายครั้งว่าเราจะไปในทิศทางไหนคือจริงๆอ่ะ มองว่าเคมีมันเข้ากันแต่บทอ่ะ ในเรื่องนี้มันค่อนข้างที่จะโหดมากๆ ในหลายๆอย่าง ก็มีการคุยกันว่าเรื่องนี้พร้อม เรื่องนี้ไม่พร้อม ส่วนตัวเรา ตัวละครก็ไม่ได้ปรับอะไรมากมายอยู่แล้ว แต่มันจะเป็นเรื่องของอินเนอร์มากกว่า คือสามารถรอได้ ที่เลื่อนไปก็มองว่าทุกอย่างมันจะมีช่วงเวลาและความเหมาะสม คือหนังไม่ได้ยกเลิกค่ะแค่เลื่อนเวลาในการถ่ายทำไป”
หลายคนเข้าใจว่าเป็นการแคนเซิลไปเลย? “อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ จริงๆก็มีการพูดคุยว่าอาจจะเป็นสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า แต่ต้องมาคุยกันอีกที”
อิงฟ้าได้คุยกับน้องพีไหม? “จริงๆเข้าใจเขานะ เวลาเราเวิร์กช็อปด้วยกันเราก็มีการคุยกันก็เห็นความพยายามของเขา เขาก็เป็นคนที่ทุ่มเทเหมือนกัน แต่เราเข้าใจว่าความพร้อมของคนเรามันหลายอย่าง”
แล้วในส่วนของคาแร็กเตอร์เรามันเราหนักใจยังไงบ้าง? “มันโหดมาก มันหนักค่ะ จริงๆเรื่องนี้หลายคนอาจจะมองว่า เป็นการมาจิ้นกันน่ารักๆหรือเป็นหนังรักหรือเปล่า แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย มันเป็นดราม่าโหดมากจริงๆ จึงมีการเวิร์กช็อปกันก่อนเป็นเดือนกว่าๆ”
พอมันเลื่อนไปอย่างนี้มันจะกระทบกับคิวงานเราที่รับไว้แล้วไหม? “ให้พูดตามความจริงก็มีนิดหน่อยค่ะ เพราะว่าคิวที่เราเตรียมที่จะไปถ่ายมันก็ประมาณเดือนนึงที่เราเตรียมไว้ เพราะมันค่อนข้างกระทันหัน
คิวงานเราที่เราไม่ได้รับไว้ในตอนแรกมันก็เสียงานไปบ้าง แต่ว่าก็โอเคค่ะ เราเข้าใจว่ามันไม่ได้มีอยากให้มันเกิดขึ้น จริงๆมันก็ไม่ได้พักนะคะเพราะว่าที่เราดีลไว้ตอนแรกว่าเราจะไปถ่ายหนังก็เปลี่ยนมาซ้อมโชว์รอบไฟนอลของน้องมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 แทน”
ล่าสุดก็เห็นว่าเตรียมตัวจะไปอเมริกาออนทัวร์? “ใช่ค่ะก็มีไปคอนเสิร์ตที่อเมริกา กับ ชาล็อต ค่ะ (เตรียมตัวยังไงบ้าง?) เรามีความเป็นศิลปินอยู่แล้วในเรื่องการร้องเพลงขึ้นคอนเสิร์ต เราก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องห่วงอยู่แล้ว อาจจะมีเล็กน้อยเรื่องของการสื่อสารในเรื่องของภาษา ในส่วนของตัวโชว์จริงๆก็เตรียมพร้อมแล้วค่ะ คือหนูกับน้องร้องเพลงขึ้นคอนเสิร์ตด้วยกันบ่อยความตื่นเต้นก็อาจจะแทบไม่มีอยู่แล้ว เรื่องโชว์ก็คงจะเป็นฟีลที่เราจะจอยๆสนุกๆมากกว่า”
ขอบคุณรูปจากไอจี : fa_engfa8