อั๋น-คำผกา ถามคดี จีจี้ ทำไมปืนเข้าถึงง่าย บี้เลิกทัศนคติมีแล้วเท่ คนดีๆ ไม่ทำ ก่อนแก้กฎหมายเรื่องปืน ต้องช่วยกันสร้างวัฒนธรรมไม่ยกย่องคนพกอาวุธ
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 21 เม.ย. 2566 ข่าวสดออนไลน์ จัดรายการ “ข่าวจบ คนไม่จบ” ดำเนินรายการโดย อั๋น ภูวนาท คุนผลิน และแขก ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา ในหัวข้อ “จบด้วยชีวิตอีกครั้ง ลูกนายพลก่อเหตุรุนแรง สะท้อนความคิดชายเป็นใหญ่”
อั๋น กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้น คือ ปืนที่ใช้เป็นของพ่อ ฝ่ายชายมักโพสต์รูปกับอาวุธเป็นอาวุธสงครามร้ายแรง รวมถึงปืนที่ก่อเหตุ ตนสงสัยว่าปืนอันนี้เป็นของพ่อ แต่เบื้องต้นตอนนี้มีข่าวออกมาว่าพ่อไม่ผิด เพราะพ่อไม่รู้ ถ้าตอบว่าไม่รู้ คือไม่ผิดเลยหรือ
คำ ผกา กล่าวว่า เราจะไม่ด่วนตัดสินว่าใครผิดหรือถูก เพราะการดูแลเด็กบางเรื่องเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ที่สามารถพูดได้คือความรุนแรงในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ทำไมคนถึงไม่สามารถเดินออกมาจากความสัมพันธ์นั้นได้ง่าย อย่างเรื่องนี้น้องผู้หญิงมีความซับซ้อนในตัวเอง เพราะเป็นคนที่มีชื่อเสียง น้องเป็นเน็ตไอดอล แล้วเขาเพิ่งอายุ 20 ปี
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ตนเคยรู้จักคนที่การศึกษาดี แบ็กกราวน์ครอบครัวดีมาก ฐานะร่ำรวย ไม่ได้มีความอ่อนแอเรื่องความสัมพันธ์เชิงอำนาจเรื่องเศรษฐกิจ มีทุกอย่างเพียบพร้อม มีลูกแล้ว 3-4 คน มีหน้ามีตาในสังคม ขนาดผู้หญิงที่เพียบพร้อมขนาดนี้ กว่าจะออกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ โดนสามีทำร้ายร่างกาย ยังใช้เวลาจนอายุ 50 ปี แต่ท้ายที่สุดก็ออกได้
คำ ผกา กล่าวอีกว่า เมื่อมีการใช้ความรุนแรงต่อกัน ระหว่างคนรัก คู่รัก สามีภรรยา หรือแม้กระทั่งคู่รัก หญิง-หญิง หรือชาย-ชาย ซึ่งมีในทุกเพศสภาพในการใช้ความรุนแรงต่อกัน ข้อที่ 1 ทำไมจึงไม่สามารถเดินออกมาจากความรุนแรงนั้นได้โดยง่าย มีปัจจัยอะไร ถ้าเราคาดหวังว่าในสังคมต้องมีกลไกที่เป็นนักสังคมสงเคราะห์ มีนักจิตวิทยา มีกลไกที่เป็นเครือข่ายความปลอดภัยที่ไม่ใช่แค่ครอบครัว สังคมสามารถสร้างเครือข่ายความปลอดภัยอะไรบ้างให้กับคนเหล่านี้
คำ ผกา กล่าวต่อว่า พอพูดเรื่องความรุนแรงภายในครอครัว คนก็จะโฟกัสแค่ว่าผู้หญิงถูกกระทำจากผู้ชาย แล้วมักจะหลงลืมว่ามีผู้ชายจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่เกิดจากผู้หญิง และความรุนแรงนั้นบางทีมันไม่ใช่การใช้กำลัง การตบตี แต่เป็นการด่าทอ ผ่านคำพูด การแบล็กเมล์ทางอารมณ์
คำ ผกา กล่าวอีกว่า เวลาเราพูดคำว่าชายเป็นใหญ่ มันไม่ได้เรียบง่ายแค่ว่า ผู้ชายอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าผู้หญิงตลอดเวลา สภาวะชายเป็นใหญ่ คือ สภาวะที่สังคมสถาปนาบทบาทหนึ่งให้กับผู้ชาย และบทบาทหนึ่งให้กับผู้หญิง
คำผกา กล่าวต่อว่า สมมติว่าสังคมสถาปนาบทบาทให้ผู้ชายว่าต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องเป็นคนที่เข้มแข็ง ต้องเป็นคนหาเงินเลี้ยงครอบครัว แค่นี้ก็ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอต่อหน้าลูกเมียได้ ถ้าผู้ชายไปอยู่กับผู้หญิงที่เป็นพิษหรือดูถูกเหยียดหยาม ผู้หญิงก็สามารถใช้เรื่องพวกนี้มาแบล็กเมล์ผู้ชายได้ทุกวัน แล้วทำให้ผู้ชายรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไปฆ่าตัวตายดีกว่า พอเรื่องซับซ้อนแบบนี้ ตนก็ไม่อยากพูด ขอฟังกระแสสังคมไปเรื่อยๆ แล้วดูว่ามีจุดไหนที่คนให้ความเห็นแล้วมันผิดปกติมากๆ แล้วเราค่อยไปสะกิดตรงจุดนั้น
อั๋น กล่าวว่า ประเด็นที่เราต้องคุยกันคือเรื่องปืน การครอบครองอาวุธ หรือการเข้าถึงอาวุธได้โดยง่ายและไม่มีความรับผิดชอบ ในสังคมไทยเป็นเรื่องน่ากลัวมาก เมื่ออยู่ในมือของคนที่ไม่อยู่ในวุฒิภาวะที่พร้อม ด้วยวัยวุฒิ และยังเป็นวัยที่แม้แต่คุณพ่อคุณแม่เขายังยอมรับว่ามีปัญหามากในการพูดคุยกับลูก ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมหรือคุยกับลูกคนนี้ได้ แล้วก็เห็นอยู่แล้วว่าลูกเข้าถึงอาวุธ เพราะลูกโพสต์ตลอด เห็นอยู่แล้วว่ามีความเสี่ยงสูง แต่โดยธรรมชาติอาจจะคิดว่าลูกคงไม่ไปไกลถึงขนาดไปฆ่าคน
อั๋น กล่าวต่อว่า แต่อีกด้านก็มีคนมาถามว่าลูกเป็นขนาดนี้ ทำไมไม่บำบัด ซึ่งการจะชวนหรือจูงใจให้คนๆ หนึ่งยอมรับว่าเขาจำเป้นต้องได้รับการบำบัดแล้วเดินหน้าเข้ารับการบำบัดด้วยความสมัครใจเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะคนเหล่านี้เป็นคนในครอบครัว บางครั้งก็คุยกันไม่ได้
อั๋น กล่าวอีกว่า บางคนบอกให้จับมัดแล้วส่งไปบำบัด ถ้าคุณเป็นลูกคุณอาจจะเสียพ่อเสียแม่ เสียพี่น้อง หรือตัดขาดจากกันได้เลย ถ้าใช้วิธีแบบนั้น เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก ตนเข้าใจในครอบครัวเครือญาติมีความหลากหลายแบบนี้เกิดขึ้น หลายครั้งเราเห็นปัญหา แล้วเลือกพาตัวเองออกมาจากวงจรนั้น แต่ปัญหาก็ไม่ได้รับการแก้ไข เราแค่พาตัวเองออกมจากจุดเสี่ยง แต่จุดเสี่ยงนั้นมีคนอีกหลายคนมากที่ไม่สามารถเดินออกมาแบบทิ้งความรับผิดชอบหรือทิ้งภาระนั้นไว้ได้
อั๋น กล่าวต่อว่า ในกรณีนี้พ่อแม่เขาจะออกมาค่อนข้างจะยอมรับผิด แต่ยังไม่ได้ออกมาเผชิญหน้าอย่างชัดเจน แต่ที่รู้คือพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายคุยกันแล้ว ขอโทษกันแล้ว จะมีการเจรจากันว่าจะรับผิดชอบอย่างไร แต่คงไม่คุ้มค่า ทางครอบครัวของฝ่ายน้องจีจี้ก็ยังออกมาทวงถามว่าคนที่เป็นเจ้าของปืนที่แท้จริง ไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เลยหรือ คนที่จะครอบครองอาวุธปืนที่มีความอันตราย ควรต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าปกติ ถ้ามีความรับผิดชอบมากไม่ได้เพียงพอ ไม่ควรได้รับสิทธิในการครอบครองหรือไม่
คำ ผกา กล่าวว่า ถ้าคุณมีปืนอยู่ในบ้าน ควรต้องเก็บไว้ในตู้เซฟหรือไม่
อั๋น กล่าวเสริมว่า เขาบอกไม่รู้ว่าถูกขโมย ไม่รู้ว่าลูกหยิบไป
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ไม่รู้ก็เรื่องหนึ่ง แต่ก่อนจะไม่รู้ว่าถูกหยิบไป มันควรจะถูกเก็บไว้ในที่ปลอดภัยที่สุด เหมือนเก็บยาอันตรายให้พ้นมือเด็ก สมมติว่าคุณมียาที่เป็นพิษมาก แล้วคุณวางยาอย่างไม่ระมัดระวัง ลูกคุณไม่รู้นึกว่าขนม เอากรอกปาก แล้วก็ตาย คุณจะบอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกหยิบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มันไม่ได้ มันต้องระมัดระวังว่าเรามีสิ่งอันตรายอยู่ในบ้าน ควรจะอยู่ในที่ๆ เข้าถึงยาก ไม่ใช่แค่อยู่ในตู้เซฟของบ้าน ควรจะเอาไปฝากไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่ในบ้านด้วยซ้ำ
คำ ผกา กล่าวต่อว่า สังคมแบบไหนที่ปลูกฝังว่าทุกคนในบ้านควรจะเดินไปหยิบปืนมาใช้ได้ตลอดเวลา ตนมองว่ามันเข้าถึงได้ง่าย แต่ในด้านหนึ่งต้องมีอะไรผิดปกติมากๆ ในสังคมที่เรานิยมคนมีปืน จนกลายเป็นค่านิยมว่า เราจะเป็นที่น่าเคารพนับถือ สำหรับตนจะนิยมคนใส่นาฬิกาแพง เป็นเจ้าของเรือยอร์ช มีรถดีๆ สวยๆ ไม่เป็นปัญหา สมมติมีผู้ชายมาจีบ มีรถสวย ใส่นาฬิกาแพง มีเรือยอร์ช ให้คะแนนเต็ม 100 แต่มีปืน เราจะไม่ชอบ มันควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ในข่าวทั้งหมดนี้ สิ่งที่คาใจตนคือ มีอะไรผิดปกติอยู่ในสังคมไทย กับการที่เรานิยมยกย่องคุณสมบัติบางประการที่ไม่ได้ควรได้รับการนิยมยกย่อง ถ้าเราให้คะแนนว่าใครครอบครองอาวุธ แสนยานุภาพสูงสุด อันนี้สังคมไทยผิดปกติ ถ้าเราไปสัมผัสโลก “ชายแท้” ต่างๆ ปรากฏว่าเขาเป็นกันแบบนี้ เอาปืนมาอวดกัน ซึ่งคำว่า “ชายแท้” ตอนนี้เป็นคำใหม่ คือเป็นคำด่าที่คล้ายกับคำว่าหน้าตัวเมีย
คำ ผกา กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้ผิดปกติ ถ้าเรามองว่าผู้ชายที่มีปืนคือเท่ หากสังคมให้คุณค่ากับสิ่งนี้ แล้วทำให้เด็กวัยรุ่นจำนวนมากรู้สึกว่าถ้ามีปืนแล้วมันเท่ จนเอามาอวดในโซเชียลมีเดีย แปลว่าเป็นสิ่งที่อวดแล้วมีคนนิยมยกย่อง
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะแก้กฎหมายเรื่องปืน เราต้องมาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมใหม่คือไม่ยกย่องคนพกอาวุธ แล้วทำให้สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผิดปกติ การที่คุณบ้าคลั่งสะสมปืน เป็นเรื่องที่ไม่เจริญ คนดีๆ ไม่ทำกัน ถ้าคุณอยู่ในร่องในรอย อยู่ในอาชีพสุจริต คุณไม่ต้องพกอาวุธ แล้วอย่ามาอ้างว่า มีไว้ป้องกันตัว
คำ ผกา กล่าวอีกว่า ดูจากสถิติคนที่พกปืนเป็น 10 กระบอก เช่น เจ้าพ่อ ก็ไม่เห็นเอาปืนที่ตัวเองพกติดตัวมาป้องกันตัวเองได้สักคน เวลาโดนมือปืนอีกฝั่งมาถล่มยิง คนเหล่านี้มีมือปืนคุ้มกันตลอดเวลาก็ยังไม่สามารถป้องกันตัวเองจากการโดนลอบสังหารได้เลย คุณยอมรับมาเถอะว่าการมีปืน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองทรงพลังอำนาจ เท่ เจ๋งกว่าคนอื่น เป็นอัฐบริขาร มากกว่าการใช้ป้องกันตัวเอง
อั๋น กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ยังมีการเปิดเผยถึงสิ่งที่พ่อเคยสอนฝั่งผู้ชาย ทัศนคติ การมองโลก ดูเป็นประเด็นที่น่าจะพูดถึงได้ว่ามันแปลกหรือไม่ ประเด็นเรื่องชายเป็นใหญ่ การให้คุณค่าของผู้หญิงเรื่องพรหมจรรย์ หรือการใช้ความรุนแรง มันสื่อมาในสิ่งที่ลูกโพสต์ ตนสงสัยว่าด้วยทัศนคติแบบนี้ เขาเป็นประธานรุ่นได้ยังไง ทำไมเพื่อนๆ ถึงได้เลือกเขาขึ้นมาเป็นประธานรุ่น ตนก็ไม่อยากมองว่าทุกคนสอดคล้องไปกับค่านิยมนี้
อั๋น กล่าวอีกว่า เรื่องนี้อยากให้คนเกี่ยวข้องออกมาดูว่ากฎหมายปืนเป็นอย่างไร ตนขออีกเรื่องคือมีคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับด้านอาชญวิทยาในประเทศอังกฤษ เขาสรุปไว้ว่า ผู้หญิงที่ถูกฆ่าในความสัมพันธ์ หนึ่งในสิ่งที่พอจะลดความเสี่ยงได้ คือคนที่อยู่ในความสัมพันธ์แล้วถูกฆ่า มักเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง แต่รวดเร็ว คือใช้เวลาในการเติบโตของความสัมพันธ์สั้นมาก เช่น คบกัน 2 สัปดาห์ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลย จนยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักทัศนคติ
อั๋น กล่าวต่อว่า เมื่อเราให้ใครสักคนเข้ามาอยู่ในชีวิต เช่น ย้ายมาอยู่บ้านฉันสิ แต่จะให้ออกไม่ได้นะ ตอนชวนมาอยู่ง่ายมาก แต่อยู่ๆ มาบอกให้เก็บของย้ายออก อีกฝ่ายก็ต้องคิดว่ารักกันน้อยลงแล้วเหรอ เธอมีคนอื่นเหรอ เพราะอะไร ตอนนั้นอยากให้เข้า ตอนนี้อยากให้ออก ก่อนที่จะรับใครเข้ามาในชีวิต คิดนานๆ อย่ารีบ เรื่องนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ลดความเสี่ยงได้ ไม่ได้แปลว่าจะไม่เสี่ยง แต่ช่วยลดความเสี่ยงได้ ฉะนั้น อย่ารีบ