'อันวาร์' โผล่วงสัมมนา พปชร. แย้ม ถูกจีบเข้าพรรค เผย สิ้นเดือนพ.ย.นี้ ประกาศชัด

Home » 'อันวาร์' โผล่วงสัมมนา พปชร. แย้ม ถูกจีบเข้าพรรค เผย สิ้นเดือนพ.ย.นี้ ประกาศชัด


'อันวาร์' โผล่วงสัมมนา พปชร. แย้ม ถูกจีบเข้าพรรค เผย สิ้นเดือนพ.ย.นี้ ประกาศชัด

“อันวาร์” โผล่ วงสัมมนา พปชร. แย้ม ถูกจีบเข้าพรรค เผย สิ้นเดือนพ.ย.นี้ ประกาศชัด ลั่น ไม่กลับปชป. อวย “บิ๊กป้อม” มีบารมีถ้าได้อำนาจ

11 พ.ย. 65 – ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ กทม. นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาสังเกตการณ์การสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเดินทางมาครั้งนี้ว่า

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้พูดถึงตนในพื้นที่ และได้ให้ นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล มาพูดคุยถึงเงื่อนไข

ส่วนตัวได้คุยกับ พล.อ.ประวิตรแล้ว ซึ่งเงื่อนไขต่างๆ พล.อ.ประวิตร บอกว่า อยู่ในเกณฑ์ที่ปฏิบัติได้ พร้อมกับแจ้งกับตนว่า วันนี้จะมีการสัมมนาของพรรค อยากให้เข้ามาดูบรรยากาศการสัมมนาของพรรคว่า เป็นอย่างไร ตนเห็นว่าเป็นประโยชน์

ทั้งนี้ ก่อนที่เราจะไปที่ไหนก็แล้วแต่ การได้รู้ข้อมูลมากที่สุด น่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตนและประชาชน ตนไม่อยากล้มเหลวและไม่อยากเปลี่ยนพรรคไปเรื่อยๆ การทำงานของตนที่เคียงข้างประชาชน ทำถูกให้ถูก ทำผิดให้ผิด

นายอันวาร์ กล่าวว่า เท่าที่ดู พปชร.ไปกับตนได้ ซึ่งการได้มาฟังในวันนี้ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่จะนำกลับไปเพื่อพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่เพื่อขอมติประชาชนว่าตนควรจะอยู่พรรคไหน โดยจะไปพูดกับประชาชนประมาณสิ้นเดือน พ.ย.นี้

ในวันนั้นอาจจะมีการพูดถึงพรรคการเมืองทุกพรรคที่มีไมตรีจิตมาถึงตน พรรคใดเป็นอย่างไร มีนโยบายแบบไหน เราไปตรงไหนได้บ้าง มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้ถือว่าสำคัญสำหรับคนในพื้นที่ที่จะตัดสินใจว่า นายอันวาร์ควรต้องไปอยู่ที่ไหน คนที่จะตัดสินใจว่า นายอันวาร์จะไปที่ไหนคือคนในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากมาในวันนี้จะสามารถตัดสินใจว่า จะร่วมงานกับ พปชร.ได้เลยหรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า จะนำข้อดีของแต่ละพรรคไปหารือกับประชาชนก่อน เพราะการตัดสินใจอยู่ที่ประชาชน คงไม่ใช่ตนที่จะตัดสินใจคนเดียว

เมื่อถามต่อว่า กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้แล้วหรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้วว่า คงไม่ได้สังกัดพรรคนี้แล้ว และขอบอกได้เลยว่า สมัยหน้าตนไม่ได้อยู่พรรคประชาธิปัตย์แล้ว

เมื่อถามอีกว่า ตอนนี้มีหลายพรรคหรือไม่ที่ติดต่อมา นายอันวาร์ กล่าวว่า มีหลายพรรค และหลายคนมีเงื่อนไข และนโยบายที่มีประโยชน์ต่อประชาชน ทุกพรรคมีสิ่งดีๆ เพียงแต่ละพรรคอาจจะแตกต่างกัน

แต่ในส่วนของเงื่อนไขของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตนจะต้องตัดสินใจคือ 1. ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสุข และรู้สึกคลายความตึงเครียด ทำให้เหตุการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ ทำให้นักลงทุนกล้าเข้ามาทำธุรกิจในพื้นที่

2. อุตสาหกรรมฮาลาล เชื่อมโยงตลาดฮาลาลกับคนในพื้นที่ เพื่อให้คนทั่วโลกเห็นใจ 3. อาชีพหลักของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส มีเขตแดนที่ติดกับทะเล ดังนั้น การประมงถือเป็นเส้นเลือดหลักที่สร้างรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีให้คนในพื้นที่

“3 เรื่องนี้ หากพรรคไหนมีนโยบายที่ชัดเจนที่จะทำถือว่า ได้ผมไปครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนอีกครึ่งแล้วต้องดูว่าพรรคไหนจะเป็นรัฐบาล เพราะตนต้องบอกว่า การที่จะผลักดันโครงการต่างๆ ในพื้นที่ให้สำเร็จต้องเป็นแกนนำรัฐบาล การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลบางครั้งยังทำไม่ได้เลย”

เมื่อถามว่า แสดงว่า พรรคที่สังกัดจะต้องมีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า “แน่นอน ต้องเป็นแกนนำด้วยนะครับ ไม่เอานะครับพรรคแกนนอน นอนอย่างเดียวแล้วทำอะไรไม่ได้ ผมไม่เอาแล้ว” ต่อข้อถามว่า หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า “อันนี้ผมไม่ได้พูดถึงนะ ใครจะเข้าใจว่าอย่างไรก็แล้วแต่”

เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่า พปชร.จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า การเป็นแกนนำรัฐบาลองค์ประกอบสำคัญคือ ต้องมีเสียงข้างมาก บวกกับเสียง ส.ว. 250 คนที่จะโหวตในวันนั้นด้วย ซึ่งมันมีผลอยู่แล้ว ตนคิดว่า ถ้าบวกกับเสียงของ พปชร. ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามว่า ดูตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ พล.อ.ประวิตร ด้วยใช่หรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า ดูทั้งหมด แต่ตนมองข้อจำกัดในพื้นที่ของตน ไม่ใช่ว่าจะเลือกอะไรได้ทุกอย่าง การจะแก้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ใช่ว่า ทุกพรรคจะทำได้ ต้องเป็นพรรคที่มีอำนาจ และเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะความมั่นคงของประเทศ ซึ่งจะมีผลในการตัดสินใจด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ตนมองว่า บางคนมีอำนาจรัฐสามารถเป็นผู้นำรัฐบาลได้ แต่บางคนไม่มีอำนาจรัฐแต่มีบารมี และถ้ามีอำนาจรัฐเข้าไปอยู่กับคนบารมี ยิ่งทำให้เขามีภาพพจน์ที่ดีได้

“อย่างท่านป้อมต้องยอมรับว่าช่วงที่รักษาการนายกฯ มีภาพเชิงบวกเยอะมาก เป็นปัจจัยหนึ่งว่าการจะทำให้มีภาพการเป็นผู้นำที่ดี เป็นที่ยอมรับของคนและประชาชนเข้าถึงได้อย่างลุงป้อม ไปในพื้นที่ไหนก็มีชาวบ้านเข้ามากอด ห้อมล้อม ไม่มีการอารักขาใดๆ ตรงนี้ถือเป็นจุดหลักที่ดี”

เมื่อถามว่า ทางใต้รับ พล.อ.ประวิตรได้ใช่หรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า ใครก็แล้วแต่ที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ ทำให้เขาได้เห็นความหวัง คนนั้นก็มีโอกาสที่จะเป็นผู้นำ

เมื่อถามว่า มองปรากฏการณ์เลือดไหลออกจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร นายอันวาร์ กล่าวว่า คงเป็นไปตามข่าว ตนพูดมานานแล้วและพยายามเสนอตอนที่อยู่ในพรรคหลายสิบฉบับว่า หากไม่ทำแล้ววันนี้พรรคจะไปเจอสถานการณ์อะไร แต่วันนี้ขอไม่พูดถึงแล้ว ตอนอยู่ในพรรคตนพยายามจะเป็นหมอ แล้ววันนี้ หมอ 2 คนที่อยู่ในพรรคก็อยู่ไม่ได้ คือ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่เพิ่งลาออก ตนเองก็อยู่ในสถานภาพอย่างนั้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ