จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาสำคัญในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ได้ออกมาเปิดเผยว่าบอสพอลออกอาการไม่พอใจอย่างมาก สั่งออเดอร์ใหม่ให้ลุยดำเนินคดี ม.157 กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. และข้อหาสนับสนุนให้กระทำความผิดกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
ต่อมาวันที่ 26 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 โดยระบุว่า ตามที่สื่อมวลชนเกือบทุกฉบับได้ก๊อปปี้ข่าวว่าเรือนจำพิเศษกรุงเทพเล็งคาดโทษ นายอัจฉริยะ ปมละเมิดพื้นที่เรือนจำโดยใช้ข้อความอันเป็นเท็จว่า ข้าเข้าไปในห้องสอบสวนโดยวิธีตีเนียนเข้าไปร่วมรับฟังการสอบสวนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และผิดระเบียบกรมราชทันฑ์ และอ้างว่ารักษาราชการผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้ให้ข่าว ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
- หมอเหรียญทอง ฟาด! โพสต์ทวงหนี้ สปสช. หลังทำ รพ.ขาดทุนกว่า 20 ล.
- แม่ร่ำไห้! ลูกน้อยวัย 1 ขวบ เป็นไข้สูงก่อนเสียชีวิต หลังรักษาที่ รพ.
- สลดใจ! เด็กวัย 7 ขวบ จมน้ำดับคาวันเกิด ญาติเตรียมเค้กไว้สุดท้ายไม่ได้ใช้
การเข้าไปในห้องสอบสวนของข้าได้ทำหนังสือถูกต้องและได้รับอนุญาตจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพแล้ว หาใช่เป็นการตีเนียนตามที่สื่อมวลชนลงข่าวแต่อย่างใด การลงข่าวเท็จหรือเฟคนิวน์ทำให้ข้า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากพี่น้องประชาชนที่ได้อ่านข่าวนี้จากสื่อมวลชนที่ลงข่าวนี้ ข้านายอัจฉริยะ ขอยืนยันว่าหากข้าทำผิดกฎหมายขอให้กรมราชทันฑ์ดำเนินคดีตามกฎหมายกับข้าได้เลย
การลงข่าวของสื่อมวลชนในครั้งนี้เป็นข้อมูลเท็จหรือเฟคนิวน์หากสื่อมวลชนทุกฉบับที่นำเสนอข่าวนี้ไม่ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามจริงเพราะข้าไม่ได้ถูกเรือนจำพิเศษกรุงเทพดำเนินการตามกฎหมายหรือตามระเบียบของกรมราชทันฑ์ว่าถูกตั้งกรรมการสอบหรือมีการคาดโทษข้า ดังนั้นหากสื่อทุกฉบับที่ลงข่าวนี้ไม่แก้ไขให้ถูกต้องตรงกับความจริงที่ทำให้ข้าได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงข้าจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องบังคับใช้กฎหมายกับสื่อมวลชนตามกฏหมายต่อไป