อังเดร เดอะ ไจแอนท์ ชื่อนี้อาจไม่เป็นที่คุ้นหูน สำหรับแฟนกีฬารุ่นใหม่ แต่ครั้งหนึ่งเขาคือนักกีฬาที่ดังที่สุดในโลก เป็นปรากฏการณ์ในระดับเดียวกับ ไมเคิล จอร์แดน, ยิ่งใหญ่ระดับเดียวกับ มูฮัมหมัด อาลี, เป็นที่รู้จักมากกว่าลีกกีฬาอย่าง NBA หรือ NFL
เพราะผู้ชายคนนี้ คือนักมวยปล้ำที่สูงมากกว่า 200 เซนติเมตร น้ำหนักกว่า 500 ปอนด์ เขาคือนักมวยปล้ำที่ไม่แพ้ใครนานกว่า 10 ปี ถูกขนานนามว่า “สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลก”
เบื้องหน้าเขาคือนักมวยปล้ำที่ใครก็หวาดเกรง แต่เบื้องหลังเขาคือชายยิ้มง่าย จิตใจดี ผู้เป็นที่รักของเพื่อนฝูง และมีความอ่อนไหว รู้จักกับความเจ็บปวด ร้องไห้เป็น ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป
สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลก
อังเดร เดอะ ไจแอนท์ มีชื่อจริงว่า อังเดร เรเน รุสซิมอฟฟ์ เป็นชาวฝรั่งเศส ตามสถานที่กำเนิด เขามีเชื้อสายบัลแกเรียน และโปแลนด์ ซึ่งครอบครัวอพยพจากดินแดนฝั่งตะวันออก ลี้ภัยสงครามครามโลกครั้งที่ 2 มาลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่
Photo : www.thefamouspeople.com
เพียงแค่ลืมตาออกจากครรภ์ของมารดาเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1946 คนรอบตัวสัมผัสได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะเขามีน้ำหนักมากกว่า 6 กิโลกรัม หลังจากการคลอด
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายของอังเดรเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า อังเดรมีอาการป่วยที่ถูกเรียกว่า เด็กยักษ์ หรือ Gigantism พูดง่าย ๆ คือการที่เด็กมีฮอร์โมนของผู้ใหญ่อยู่ในร่างกาย ทำให้โตวัยกว่าปกติ และร่างกายเหมือนกับผู้ใหญ่ ทั้งที่อายุยังอยู่ในช่วงวัยเด็ก
อังเดรเติบโตอย่างรวดเร็ว เขาตัวใหญ่กว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แขนขายาวไม่ต่างกับผู้ใหญ่ จนกระทั่งเมื่อเขาอายุได้ 12 ปี เด็กชาวฝรั่งเศสรายนี้ กลับมีส่วนสูงถึง 191 เซนติเมตร
“Larger Than Life” คือคำที่ใช้อธิบายตัวตนของอังเดรได้ดีที่สุด เขาแตกต่าง และดูยิ่งใหญ่กว่าผู้ชายทุกคนที่เราเห็นในชีวิตประจำวัน ซึ่ง Larger Than Life คือคำที่สะท้อนของกีฬาประเภทหนึ่งเช่นกัน นั่นคือ มวยปล้ำอาชีพ
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เมื่ออายุครบ 18 ปี อังเดร เรเน รุสซิมอฟฟ์ ตัดสินใจเขาเรียนวิชามวยปล้ำ กับสมาคมท้องถิ่นในกรุงปารีส ซึ่งไม่ต้องสืบว่า เมื่อเหล่าผู้บริหารค่ายมวยปล้ำได้เห็นขนาดตัวของอังเดร จึงให้การสนับสนุนเต็มที่แก่เขา เพื่อหวังสร้างนักมวยปล้ำที่เขย่าวงการ ให้ได้ไวที่สุด
อังเดรเริ่มต้นขึ้นปล้ำในชื่อ “ฌอง เฟร์เร” ตะลอนเดินทางไปปล้ำในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สหราชอาณาจักร, เยอรมัน, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อิรัก, ญี่ปุ่น, แคนาดา, สหรัฐอเมริกา หรือแม้กระทั่งในทวีปแอฟริกา
ไม่ว่าเขาจะไปปล้ำที่ไหน ตั๋วจะขายดีเสมอ เพราะทุกคนอยากจะมาดู ผู้ชายที่สูงมากกว่า 200 เซนติเมตร หนักมากกว่า 500 ปอนด์ หรือมากกว่า 200 กิโลกรัม ตัวเป็น ๆ กับตาของตัวเอง
Photo : sterzhen.info
ในยุคที่ อังเดร เริ่มเป็นนักมวยปล้ำ คือช่วงปลายยุค 60s ตอนนั้นเครือข่ายการสื่อสาร แตกต่างจากโลกปัจจุบันมาก … เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ามียักษ์เดินดินตัวจริงเสียงจริง เดินทางไปทั่วโลกเพื่อปล้ำมวยปล้ำ จึงเป็นเหมือนข่าวลือ และวิธีที่จะพิสูจน์ได้ คือต้องตีตั๋วเข้าสนาม เพื่อมาเจอนักมวยปล้ำรายนี้ พิสูจน์กับตาตัวเองเท่านั้น
ในยุคนั้นมวยปล้ำยังแตกต่างไปจากปัจจุบัน สมาคมในสหรัฐอเมริกา เป็นสมาคมท้องถิ่น จะปล้ำแค่ในเขตของตัวเองเท่านั้น ทำให้อังเดรต้องเดินทางไปทั่วประเทศ เพราะอังเดรกลายเป็นนักมวยปล้ำ ที่ทุกค่ายต้องการตัว เนื่องจากถ้ามีอังเดรขึ้นปล้ำ รับประกันได้ว่าตั๋วขายหมดแน่นอน
“ไม่มีนักมวยปล้ำคนไหนในเวลานั้น นอกจาก อังเดร ที่ผมกล้ารับประกันว่า ถ้าแฟน ๆ เห็นชื่อของเขาว่าจะขึ้นปล้ำ ตั๋วขายหมดแน่นอน” เจอร์รี “เดอะ คิง” ลอว์เรอร์ นักมวยปล้ำร่วมยุคของยักษ์ใหญ่รายนี้ กล่าว
ช่วงเวลานั้นเอง อังเดรถูกเปลี่ยนชื่อในการปล้ำเป็น “อังเดร เดอะ ไจแอนท์” และเขาเริ่มถูกเรียกว่า “สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลก”
Photo : Andre the Giant @TheGiant46
จนกระทั่งชื่อเสียงของเขาไปเข้าหูของ วินซ์ แม็คแมน ซีเนียร์ เจ้าของค่าย WWWF (WWE ในปัจจุบัน) และแม็คแมนผู้พ่อ รู้ทันที่ว่า หนุ่มจากฝรั่งเศสรายนี้ คือชายที่เป็นเหมือนเพชรที่ล้ำค่าของวงการมวยปล้ำ
วินซ์ แม็คแมน ซีเนียร์ รีบดึงตัวอังเดรเข้ามาร่วมงาน และปั้นให้เขาดูเหนือมนุษย์มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ให้เขาแข็งแกร่งเหนือจินตนาการ เช่นให้อังเดรยกตุ้มถ่วงที่หนักกว่า 2,000 ปอนด์ หรือประมาณ 907 กิโลกรัม เพื่อดึงดูดความสนใจจากสื่อ และทำให้สมาคมของเขาเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิม
“อังเดรมีร่างกายที่พิเศษ เหนือกว่าคนปกติทั่วไป เขาเกิดมาบนโลกที่ไม่ใช่โลกของเขา … ถ้าคุณได้เห็นเขาตัวเป็น ๆ คุณจะไม่คิดเลยว่า จะมีสิ่งใดบนโลกนี้พิเศษไปมากกว่าเขา” เทอร์รี ท็อดด์ นักข่าวด้านกีฬา กล่าวถึงความมหัศจรรย์ของ อังเดร เดอะ ไจแอนท์
นักมวยปล้ำที่ไม่รู้จักคำว่าแพ้ แต่กลับไม่มีแชมป์
ด้วยขนาดตัวที่สูงมากกว่า 200 เซนติเมตร หนักมากกว่า 500 ปอนด์ ทำให้ตลอดชีวิตการปล้ำของอังเดร ตั้งแต่เริ่มปล้ำในฝรั่งเศส จนย้ายมาปล้ำที่สหรัฐอเมริกา เขาไม่เคยรู้จักคำว่าแพ้แม้แต่ครั้งเดียว เพราะรูปร่างที่ใหญ่เวอร์ ทำให้ไม่มีใครคิดออกว่า จะเขียนบทอย่างไร ให้ยักษ์ใหญ่คนนี้แพ้อย่างสมเหตุสมผล
ขณะเดียวกัน แฟนมวยปล้ำชื่นชอบ อังเดร เดอะ ไจแอนท์ เป็นอย่างมาก ไม่มีใครอยากเสียเงินมาดูเขาแพ้ ทุกคนอยากมาดูเขาบทขยี้คู่ต่อสู้ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งไม่ได้สร้างผลดีเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนผลเสียมาให้เขาด้วย
Photo : prowrestlingstories.com
“ใคร ๆ ก็อยากให้อังเดรเป็นแชมป์ สมาคมมวยปล้ำก็อยากให้เป็น แต่ประเด็นคือพวกเขาไม่รู้วิธีว่า จะบุ๊คให้อังเดรเสียแชมป์ได้อย่างไร เพราะไม่มีวิธีจะทำให้เขาแพ้ เมื่อเสียแชมป์ไม่ได้ เขาก็ไม่มีทางเป็นแชมป์” เดฟ เมลเซอร์ กูรูมวยปล้ำชื่อดังจากสำนักข่าว WON กล่าว
อังเดรไม่เคยได้แชมป์สำคัญ ๆ ในชีวิตเลย กับช่วงเริ่มต้นของอาชีพ อย่างมากก็แชมป์แท็กทีม เพราะจะได้มีเพื่อนร่วมทีม มาคอยเสียแชมป์ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับอังเดร เขาได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานว่าเป็นผู้ชายนิสัยดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร และการไม่ได้ถือเข็มขัดแชมป์ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
อังเดรเป็นคนที่ไนซ์กายมาก ถึงขั้นที่เขายอมจะให้ตัวเองอ่อนแอลง ถูกนักมวยปล้ำคนอื่นอัดมากขึ้นบนสังเวียน เนื่องจากสมาคมมวยปล้ำเริ่มใช้อังเดรเป็น “บันได” ให้นักมวยปล้ำที่ค่ายอยากจะผลักดันจริง ๆ คอยไต่เต้า
เพราะไม่จำเป็นต้องชนะอังเดร แค่ยืนสู้บนสังเวียนเดียวกับยักษ์รายนี้ และสามารถอัดให้เขาหมอบได้สัก 5 นาที แฟนมวยปล้ำก็เชื่อแล้วว่านักมวยปล้ำรายนั้นแกร่งจริง แต่อังเดรไม่เคยมีปัญหากับเรื่องนี้ เขาพร้อมจะผลักดันนักมวยปล้ำทุกคนที่ดีกับเขา แม้ตัวเองจะอ่อนแอลงก็ตาม
แต่อย่าทำให้ อังเดร เดอะ ไจแอนท์ เกลียด … เพราะหากเขาเกลียดนักมวยปล้ำคนไหน เขาจะเล่นงานนักมวยปล้ำคนนั้นไม่ยั้ง ยกตัวอย่างเช่น “มาโช แมน” แรนดี ซาเวจ ที่อังเดรไม่ชอบขี้หน้าเป็นการส่วนตัว เนื่องจากซาเวจ ชอบไปกวนบาทาอังเดรอยู่บ่อยครั้ง
Photo : www.mentalfloss.com
ทำให้ทุกครั้งที่ทั้งสองคนสู้กัน คือสงคราม อังเดรไม่เคยยั้งมือในการอัดซาเวจ ไม่มีการผ่อนมือ หรือผ่อนแรง ทุบเป็นทุบ ตบเป็นตบ ต่อยเป็นต่อย
“ซาเวจกังวลเสมอ เวลาต้องปล้ำกับอังเดร เพราะเขาไม่รู้ว่าอังเดรจะทำอะไรกับเขาบ้าง … อังเดรอัดเขายับบนเสียงเวียน เสียงตบดังสะนั่น อังเดรตั้งใจจะอัดซาเวจให้ถึงตาย” ฮองค์ โฮแกน กล่าวถึงความน่ากลัวของ อังเดร เดอะ ไจแอนท์
ต้นแบบของ “สปอร์ต เอนเตอร์เทนเมนต์” กับชีวิตที่ไม่เอนเตอร์เทน
ไม่ว่า อังเดรจะรักหรือเกลียดใคร เขาคือนักมวยปล้ำที่ไม่มีใครกล้าแหยมในหลังฉาก ส่วนหน้าฉาก เขาคือสุดยอดนักมวยปล้ำ ในแง่ของการสร้างความนิยม เขาเป็นต้นแบบที่ดีของนักมวยปล้ำ ที่ไม่จำเป็นต้องมีฝีมือเลิศเลอ แต่มีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น รูปลักษณ์ที่น่าสนใจ มีเสน่ห์แตกต่างเฉพาะตัว ซึ่งสามารถดึงดูดผู้คนให้กลายมาเป็นแฟนคลับของเขา
Photo : JustRasslin @JustRasslin
“อังเดร เดอะ ไจแอนท์ คือ สปอร์ต เอนเตอร์เทนเมนต์ ตัวจริงเสียงจริง เขาคือสปอร์ต เอนเตอร์เทนเมนต์ ก่อนที่คำว่าสปอร์ต เอนเตอร์เทนเมนต์ จะมีตัวตนอยู่ด้วยซ้ำ” ฮองค์ โฮแกน กล่าว
อังเดร เดอะ ไจแอนท์ คือผู้ทำลายกำแพงระหว่างโลกกีฬา กับวงการบันเทิง เขากลายเป็นดาราฮอลลีวูด, เล่นโฆษณามากมาย, ออกทีวีโชว์เป็นว่าเล่น จนได้รับการขนานนามว่าเป็นคนดังที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก
“คุณจะไม่เชื่อหรอกว่า เขาดังขนาดไหน (ในช่วงพีค) เขาดังกว่า NFL ดังกว่า NBA เขาถูกยกย่องเทียบเท่า มูฮัมหมัด อาลี หรือถ้าคุณคิดว่า ไมเคิล จอร์แดน ดังขนาดไหน … อังเดร เดอะ ไจแอนท์ เคยดังขนาดนั้น” เดวิด ชูเมคเกอร์ นักข่าวสายมวยปล้ำ กล่าว
ความโด่งดังของ อังเดร เดอะ ไจแอนท์ ทำให้เขาได้รับโอกาสมากมายบนสังเวียนมวยปล้ำ ไม่ว่าจะเป็นปล้ำกับนักอเมริกันฟุตบอลจากลีก NFL, คว้าแชมป์โลก WWE หรือเป็นคู่เอกในอีเวนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง Wrestlemania
อย่างไรก็ตาม ชีวิตหลังฉากของ อังเดร เดอะ ไจแอนท์ ไม่ได้สุขแบบหน้าฉาก จากการที่เขาต้องเดินทางไปปล้ำทั่วโลกเป็นระยะเวลาหลายปี เขาต้องพบเจอกับความยากลำบากมากมาย
ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าปกติ ทำให้บางครั้งเขาไม่สามารถหาเครื่องบินโดยสาร ต้องเดินทางด้วยรถเป็นระยะทางไกลหลายกิโลเมตร, บางครั้งไม่มีโรงแรมให้เขาพัก เพราะหาห้องนอนที่เหมาะกับตัวของเขาไม่ได้ ต้องหลับอยู่ในรถ, บางที่ไม่มีห้องน้ำให้เขาเข้าด้วยซ้ำ
Photo : www.businessinsider.com
ที่สำคัญที่สุด ชีวิตของอังเดรแทบไม่รู้จักกับคำว่า “บ้าน” เขาหมดเวลาไปกับการเดินทาง ซึ่งบั่นทอนจิตใจของเขา เท่านั้นยังไม่พอ ทุกครั้งที่เขาเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ เขาต้องพบเจอกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก อังเดร เดอะ ไจแอนท์ และคอยพูดจาเสียดสี หรือเล่นมุขตลกกับเรื่องขนาดตัวของเขา ซึ่งกลายเป็นมีดเล่มใหญ่ที่คอยทิ่มแทงหัวใจของเขา
“เขาถูกล้อเลียนบ่อยมาก หลายคนมองว่าเขาเป็นตัวประหลาด ซึ่งมันทำร้ายเขาอย่างมาก มากกว่าทุกเรื่อง … เขาเป็นคนที่อ่อนไหวมาก แต่คนไม่เคยรู้เรื่องนี้ ครั้งหนึ่งเขาเดินมาบอกผมว่า บางครั้งหัวหน้าก็ล้อเลียนผม หัวเราะผม มันทำให้ผมเจ็บปวด และเขาก็ร้องไห้”
“คุณไม่เคยคิดหรอกว่า ผู้ชายที่แข็งแกร่งแบบนี้จะร้องไห้เป็น แต่ใช่ เขาร้องไห้” จีน โอเคอร์ลันด์ เพื่อนร่วมงานคนสนิทของ อังเดร เดอะ ไจแอนท์ กล่าว
รอยยิ้มของยักษ์ใหญ่ที่โลกจะไม่ลืม
ท่ามกลางความเครียดที่รุมเร้า อังเดรจึงหาทางระบายให้กับตัวเอง ซึ่งไม่มีทางไหนจะดีไปกว่าการดื่มแอลกอฮอลล์ และด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าคนทั่วไป ทำให้เขาต้องดื่มหนักมากกว่าคนอื่นด้วยเช่นกัน
“ผมเคยเห็นเขาดื่มเบียร์ 106 ขวดในคืนเดียว คุณจะเชื่อไหมล่ะ ? 106 ขวดในคืนเดียว” ริค แฟลร์ นักมวยปล้ำระดับตำนาน กล่าวถึงการดื่มที่น่าเหลือเชื่อของ อังเดร เดอะ ไจแอนท์
Photo : lordsofthedrinks.com
มีคำบอกเล่ามากมาย ถึงการดื่มแบบเหลือเชื่อของนักมวยปล้ำรายนี้ ไม่ว่าจะเป็น ก่อนขึ้นปล้ำปล้ำอังเดรจะต้องดื่มไวน์ 6 ขวด ขณะที่หลังจากปล้ำจบเขาจะซัดไวน์ต่ออีกลัง เพื่อมอบของขวัญให้กับตัวเอง ยามเสร็จสิ้นจากการทำงาน
เครื่องดื่มมึนเมากลายเป็นสิ่งไม่กี่อย่าง ที่มอบความสุขให้กับนักมวยปล้ำร่างใหญ่คนนี้ แน่นอนว่าด้วยการดื่มที่หนักกว่าคนปกติ ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายของเขา
เมื่ออายุเข้าสู่หลักเลข 4 … อังเดรพลาดการปล้ำบ่อยครั้ง เพราะอาการเจ็บป่วย จนสุดท้ายเขาเริ่มถูกลดบทบาท กลายเป็นกระสอบทรายให้กับนักมวยปล้ำรุ่นใหม่ ชื่อเสียงเริ่มลดลง และถูกสมาคมใหญ่เลิกจ้าง ต้องหันมาปล้ำในสมาคมอิสระ หรือย้ายไปปล้ำที่ญี่ปุ่นแทน
อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงที่หายไป ไม่ได้ทำให้อังเดรเศร้าใจ ในทางกลับกันเขามีเวลาได้อยู่บ้านมากขึ้น ใช้ชีวิตกับครอบครัว ทำไร่ทำสวนซึ่งเป็นสิ่งที่เขาอยากทำ เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เขาได้มีรอยยิ้ม มีความสุขจริง ๆ อย่างที่ใจต้องการ
เดือนมกราคม 1993 อังเดร เดอะ ไจแอนท์ เดินทางกลับประเทศฝรั่งเศส เพื่อร่วมงานศพของคุณพ่อ อย่างไรก็ตาม อังเดรกลับต้องเผชิญหน้ากับอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน
ไม่กี่วันหลังจากงานศพของคุณพ่อ อังเดรต้องเสียชีวิตตามบิดาของตัวเองไป เนื่องด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ลาจากโลกใบนี้ไป ในวันที่ 27 มกราคม 1993
Photo : www.facebook.com/andrethegiantrecordbook
การเสียชีวิตของ อังเดร เดอะ ไจแอนท์ คือเรื่องที่โศกเศร้าของวงการมวยปล้ำ โดยเฉพาะกับคนในวงการ เพราะอังเดรคือเพื่อนที่ดีของพวกเขา ชายที่มีแต่รอยยิ้มให้เสมอ
เพื่อไว้อาลัยกับการจากไปของอังเดร WWE ได้ตัดสินใจสร้างหอเกียรติยศของสมาคมขึ้นมา พร้อมใส่ชื่อ อังเดร เดอะ ไจแอนท์ เขาสู่หอเกียรติยศเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 1993 เพราะนี่คือสิ่งที่ผู้ชายคนนี้สมควรจะได้รับ
มรดกของนักมวยปล้ำรายนี้ถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว เพราะในปี 1995 สมาคม WCW ได้หยิบความยิ่งใหญ่ของ อังเดร เดอะ ไจแอนท์ มาช่วยบิวต์คาแร็คเตอร์ของนักมวยปล้ำรายหนึ่ง ในฐานะลูกชายของอังเดร โดยใช้ชื่อปล้ำในชื่อ “เดอะ ไจแอนท์” หรือที่ผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันรู้จักเขาในนาม “เดอะ บิ๊กโชว์”
Photo : wrestlingworld.co
นอกจากนี้ WWE ยังให้เกียรติเขาด้วยการสร้างแมทช์การปล้ำ “อังเดร เดอะ ไจแอนท์ แบทเทิล รอยัล” หรือการปล้ำแบทเทิลรอยัลในศึก Wrestlemania เพื่อรักษามรดกของนักมวยปล้ำรายนี้ให้คงอยู่ต่อไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ผู้คนต้องรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของ อังเดร เดอะ ไจแอนท์
ครั้งหนึ่ง อังเดร เดอะ ไจแอนท์ คือชื่อของชายผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่เฉพาะวงการมวยปล้ำ ที่แต่โด่งดังไปทั่วโลก เขามอบความสุขให้กับผู้คนมากมาย ไม่ว่าในฐานะนักมวยปล้ำ หรือเพื่อนที่แสนดี และชื่อของเขาจะถูกจารึกในฐานะหนึ่งในนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เท่าที่โลกใบนี้เคยมีมา