ดารานักมวย อองตวน ปินโต ท้าทายฝีมือเล่นละครย้อนยุคครั้งแรก เผยเส้นทางชีวิตจากนักมวยสู่วงการบันเทิง รู้ซึ้ง! อาชีพนักแสดงไม่ง่าย
วันที่ 25 พ.ค. 2565 ที่ บ.อาร์เอสฯ ถ.ประเสริฐมนูกิจ นักแสดงหนุ่ม อองตวน ปินโต ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางมาร่วมพิธีบวงสรวงละคร “เล่ห์ลุนตยา” ทางช่อง 8 ถึงการเล่นละครย้อนยุคครั้งแรก รวมถึงต้องรับบท 2 คาแร็กเตอร์ในเรื่องเดียว พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังเปิดใจจากชีวิตนักมวยก้าวมาสู่การเป็นนักแสดง ยอมรับไม่ง่ายอย่างที่เคยคิดเอาไว้ก่อนหน้า
เรื่องนี้รับบทเป็น 2 ตัวเลย? “ใช่ครับ พาร์ตอดีตรับบท ผู้พันเดวิด จะเป็นทหารที่มาจากอังกฤษเดินทางมาถึงพม่า เพื่อครองประเทศแต่สุดท้ายแล้วก็มาลงเอยในความรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เรียกว่าเป็นชนวนต้นเหตุที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นเกิดขึ้น ส่วนพาร์ตปัจจุบันรับบท แอนโธนี กลับมาตามสืบเรื่องราวของคุณปู่ซึ่งเป็นผู้พันเดวิดว่าเหตุการณ์ในอดีตมันเป็นอย่างไร”
ครั้งแรกใช่ไหมที่ต้องเล่นเป็น 2 ตัวละครในเรื่องเดียว? “ถือเป็นครั้งแรกที่ต้องเล่นเป็น 2 ตัว แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ต้องเล่นเป็นย้อนยุคด้วย ยอมรับว่ายาก ตอนแรกตื่นเต้นและกลัวมากว่าเราจะไหวไหม อย่างในพาร์ตอดีตหลักๆ เลยเราต้องทำการบ้านหนักในเรื่องของภาษากาย ทั้งการพูดจา การขยับตัวมันจะต่างจากคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งตัวละครในปัจจุบันมันจะมีความเป็นวัยรุ่น แต่พอเป็นผู้พันที่เป็นพาร์ตในอดีตมันก็จะมีความเป็นทางการขึ้นมาเลย แล้วในขณะที่มีความดุความโหดก็ยังต้องมีมุมที่อ่อนโยนมากๆ เพราะว่ามีใจให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง”
เห็นตัวเองต้องมาแต่งชุดผู้พันในพาร์ตอดีตแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? “ไม่มีเขินเลยนะครับ ดีใจที่ได้แต่งแบบนี้เพราะว่าชีวิตปกติคงไม่มีโอกาสได้ใส่ พอใส่เสร็จปุ๊บก็บอกตัวเองว่าดีเลยถ้าในอนาคตเกิดตกงาน เราไปขายคุกกี้อาร์เซนอลได้เลย เอาจริงๆ ตั้งแต่วันแรกยันตอนนี้ก็มีแต่คนแซวว่าไปขายคุกกี้แทนดีไหม (หัวเราะ) ส่วนตัวผมว่าชุดนี้มันดูดี มีความเป็นทางการ มีความเป็นทหารต่างประเทศในยุคก่อนๆ รวมถึงได้ติดหนวดด้วยถ้าในชีวิตประจำวันก็ผมไม่มีโอกาสเลย ถามว่ามีรำคาญบ้างไหมมันก็เป็นไปตามตัวคาแร็กเตอร์ ค่อยๆ ทำความเคยชินพอใส่ไปเรื่อยๆ มันก็ชินเองเรียกว่าละครเรื่องนี้ผมได้ลองทำอะไรใหม่ๆ หลายอย่าง นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เข้ากับนักแสดงเก่งๆ หลายคน ยิ่งช่วยให้เราได้พัฒนาการแสดงของตัวเองไปด้วย”
ตอนนี้ถ้าเกิดจะเรียกว่าเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้วได้ไหม? “ถ้าเกิดคนอื่นจะเรียกอย่างนั้นผมก็ยินดีน้อมรับด้วยความภาคภูมิใจ แต่ถ้าจะให้เราพูดเองคงยังไม่กล้าพูด ตอนนี้เรียกว่าตัวเองได้รับโอกาสก็จะทำให้เต็มที่เพราะว่าการแสดงเป็นอะไรที่สนุกและท้าทายมาก ถ้ามีโอกาสได้ทำต่อไปอีกเรื่อยๆ ก็อยากจะทำให้มันดีขึ้นตลอด”
จากนักมวยมาเป็นนักแสดงยากง่ายอย่างไร? “จากนักกีฬามาเป็นนักแสดงต้องบอกว่ามันไม่มีอะไรที่คล้ายกันเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งเดียวที่อาจจะช่วยได้ก็คือความขยัน ความตั้งใจ และวินัยจากการเป็นนักกีฬาที่เอามาใช้ในอาชีพนี้ แต่อย่างอื่นไม่มีเลย เท่ากับว่าเราต้องเรียนรู้จากศูนย์ แต่ในเมื่อเราเลือกที่จะทำอาชีพนี้แล้วเราก็ต้องเต็มที่ที่สุด”
อย่างไหนเหนื่อยกว่ากัน? “ผมว่าการแสดงเหนื่อยกว่าเยอะ การเป็นนักกีฬาก็เหนื่อยแต่ไม่เหนื่อยมาก ตื่นเช้ามาออกกำลังกาย กินข้าว นอน แล้วค่อยมาออกกำลังกายอีกที แต่การแสดงต้องตื่นเช้ามากบางทีต้องอยู่ในป่าทั้งวันยันมืด ได้นอนแค่ 3 ชั่วโมงก็ต้องตื่นมาทำงานใหม่ แต่ว่ามันเป็นชีวิตอีกแบบหนึ่งที่มันสนุกมาก เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าเป็นนักกีฬานี่มันเหนื่อยเหลือเกิน แต่พอได้มาเป็นดาราก็รู้เลยว่าตอนที่เป็นนักกีฬามันสบายกว่ามาก”
หลังจากนี้วางตัวเองในเส้นทางนักแสดงไว้ยังไง? “ถ้ายังมีคนจ้างผมก็ไปต่อครับ ตอนนี้ก็ยังมีละครอีกหลายเรื่องที่ต้องถ่ายต่อ เราก็ขอเต็มที่กับตรงนี้จนกว่าจะไม่มีงาน ถามว่ามีบทแบบไหนที่อยากเล่น ผมอยากเล่นดราม่าหนักๆ เป็นคนบ้าหรือเป็นฆาตกร เพราะผมอยากได้แสดงให้คนดูได้เห็นในหลายมิติ ที่ผ่านมาคนอาจจะคุ้นเคยกับภาพความเป็นนักกีฬาของผมที่มีความบู๊ แต่ในเชิงการแสดงเราอยากจะโชว์อะไรที่มันเป็นอีกมิติหนึ่งที่ลึกกว่านั้นครับ”