อย่ารอจนล้ม! "นิ้วมือ" มี 2 สัญญาณเตือน ก่อนเกิดภาวะ "สมองขาดเลือด" อันตรายถึงชีวิต

Home » อย่ารอจนล้ม! "นิ้วมือ" มี 2 สัญญาณเตือน ก่อนเกิดภาวะ "สมองขาดเลือด" อันตรายถึงชีวิต
อย่ารอจนล้ม! "นิ้วมือ" มี 2 สัญญาณเตือน ก่อนเกิดภาวะ "สมองขาดเลือด" อันตรายถึงชีวิต

รู้หรือไม่ “สมองขาดเลือด” มี 2 สัญญาณเตือนบน “นิ้วมือ” อย่าชะล่าใจ อันตรายถึงชีวิต

โรคหลอดเลือดสมอง เป็นภาวะทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดแดงในสมองตีบหรืออุดตัน ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองลดลงกะทันหัน หากอาการนี้คงอยู่เป็นเวลานาน และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะนำไปสู่ภาวะขาดออกซิเจนและกลูโคส ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยภาวะหลอดเลือดในสมองตีบ มักเกี่ยวข้องกับภาวะหลอดเลือดและความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเกิน 140/90 mmHg มีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าผู้ที่มีความดันโลหิตปกติถึง 4 เท่า

อาการของภาวะหลอดเลือดสมอง จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณที่หลอดเลือดอุดตัน นอกจากจะเป็นอัมพาตครึ่งล่างของใบหน้าข้างหนึ่งโดยปากเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง เสียงเปลี่ยนแปลง (พูดไม่ชัด พูดลำบาก) สูญเสียความรู้สึกซีกหนึ่งของร่างกาย การมองเห็นเปลี่ยนแปลง ปวดศีรษะกะทันหัน หมดสติหรือสับสน รู้หรือไม่ว่า “นิ้วมือ” ก็มีคุณสมบัติพิเศษบางประการ ที่สามารถส่งสัญญาณก่อนเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้เช่นกัน

ตามข้อมูลจากสำนักข่าว Sohu กล่าวว่า ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรใส่ใจกับ “นิ้ว” ของตนเองมากขึ้น หากมีอาการผิดปกติ 2 ประการต่อไปนี้ ต้องระมัดระวังความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองขาดเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาการที่มือรวมกับอาการอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น

1. การ “โป่ง” ของหลอดเลือดที่นิ้ว

หลอดเลือดดำสีน้ำเงินที่นิ้วมือหรือหลังมือ อาจเกิดจากสภาพผิวของบุคคลนั้นบางเกินไป หรือร่างกายผอมเกินไป นอกจากนี้ยังสามารถส่งสัญญาณปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดดำ เช่น ภาวะกระดูกพรุน หรือภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน

หลอดเลือดโป่งพองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง อาจเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือด การอุดตันของหลอดเลือดส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต ซึ่งอาจทำให้หลอดเลือด “โป่ง” อย่างเด่นชัดบริเวณนิ้วมือและหลังมือ

การไหลเวียนโลหิตไม่ดี เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ ส่งผลให้เลือดไม่สามารถนำออกซิเจนและสารอาหารไปยังอวัยวะ เนื้อเยื่อและแขนขาได้ ดังนั้นหากมีความดันโลหิตสูง และพบว่าเส้นเลือดที่นิ้วและหลังมือโป่งกะทันหัน อย่าชะล่าใจแต่ควรรีบไปพบแพทย์

2. อาการ “ชา” นิ้วมือ

อาการชาที่มือไม่ใช่ภาวะที่หายากในชีวิตประจำวัน บุคคลอาจมีอาการชาที่มือเนื่องจากการงอและบิดนิ้วมากเกินไปเมื่อทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่ต้องพัก ปัญหานี้มักจะไม่ร้ายแรงเกินไป และมักจะหายไปหลังจากพักผ่อนเพียงพอ อย่างไรก็ตาม อาการชาที่นิ้วอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะสมองตายได้ และไม่เพียงแต่ในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเท่านั้น

อาการส่วนใหญ่ของภาวะสมองตายยังส่งผลต่อความยืดหยุ่นของร่างกาย ซึ่งมักจะเป็นครึ่งหนึ่งของร่างกาย (ด้านซ้ายหรือด้านขวา) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือ อาการชาและความแข็งของนิ้วอย่างกะทันหัน มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการอุดตันของหลอดเลือด หากอาการชาที่นิ้วเป็นนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเช็กโดยเร็ว

โรคหลอดเลือดสมอง เป็นภาวะที่ต้องได้รับการดูแลสุขภาพอย่างเร่งด่วน หากไม่มีการแทรกแซงตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้ป่วยอาจต้องเผชิญกับผลที่ตามมามากมาย เช่น อัมพาตจากการเคลื่อนไหว ความผิดปกติการสื่อสาร ความบกพร่องทางสติปัญญา การมองเห็นบกพร่อง ความผิดปกติของลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ และที่อันตรายที่สุดคือการสูญเสียสติ

  •  รู้ไว้ดีกว่า! หมอเจออีกเคส “มะเร็งผิวหนัง” ต้นเหตุคือนิสัย “อาบน้ำ” แบบหลายคนชอบทำ
  • เช็กสักนิด! หมอเตือนผัก 4 ชนิด ติดอันดับ “ราชาตับเน่า” กินแล้วอย่าโทษตับเสื่อมก่อนวัย

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ