นางสาวนภาพร เพ็ชร์จินดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวเมื่อวันพุธ (9 มิ.ย.) ระหว่างการอภิปรายเกี่ยวกับพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ว่ารัฐบาลจะหาวิธีไหนมาใช้หนี้ดังกล่าว เพราะขณะนี้ก็มีหนี้สาธารณะสูงจนเกือบเต็มเพดานอยู่แล้ว และรัฐบาลจะขึ้นภาษีเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ดังกล่าวอย่างนั้นหรือ

“ท่านนายกฯ จะต้องตอบให้ได้ว่า รัฐบาลมีแนวทางมีวิธีใช้หนี้ที่กู้มาจนท่วมหัวประชาชนเนี้ย ยังไง แผนการสร้างรายได้ หารายได้เข้าประเทศหาทางไหน อย่าบอกนะว่าท่านจะขึ้นภาษีในยุคที่ประชาชนน่ะ กำลังจะอดตาย ท่านกู้เงินมาใช้เยอะมากขนาดเนี้ย ชาติไหนกันจะใช้หนี้หมด” นางสาวนภาพร กล่าว

ส.ส. รายนี้ วิจารณ์ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการกู้เงินครั้งนี้ เพราะสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการจัดหาวัคซีนที่หลากหลาย และกระจายให้ประชาชนอย่างทั่วถึง เพื่อให้ธุรกิจต่างๆ กลับมาเปิดได้เช่นเดิม มากกว่าการกู้เงินมาแจกให้กับประชาชนแบบลงทะเบียนชิงโชค 

นักการเมืองพรรคเสรีรวมไทยรายนี้ มองว่า การกู้เงินครั้งใหม่นี้ก็จะล้มเหลวอีก เพราะจะเห็นว่ารัฐบาลเคยกู้เงินเช่นนี้มาแล้วเมื่อปี 2563 แต่ 1 ปีผ่านไป ผู้ประกอบการต่างๆ ยังคงเรียกร้องขอความช่วยเหลือเช่นเดิม แถมบางรายก็จำเป็นต้องปิดกิจการไป แล้วจะให้ตนเชื่อได้อย่างไรว่ารัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำคนเดิมนี้ ที่แก้ปัญหาด้วยวิธีเดิม จะนำเงินก้อนใหม่ที่จะกู้นี้ มาแก้ปัญหาได้สำเร็จ 

นางสาวนภาพร บอกอีกว่า พระราชกำหนดเงินกู้นี้ไม่มีรายละเอียดว่าจะนำเงิน 300,000 ล้านบาท จาก 500,000 ล้านบาท มาเยียวยาประชาชนอย่างไร ไม่ได้ระบุว่าจะให้กับคนกลุ่มไหน ด้วยวิธีใด จะช่วยให้พ้นจากความยากลำบากในช่วงตกงานได้อย่างไรเลย

“แต่ถ้าหากจะสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีก ก็ได้ค่ะ ก็ได้ แต่ก็ควรจะต้องเปลี่ยนตัวผู้นำเลยค่ะ ต้องเปลี่ยนผู้นำก่อนเลย ถ้าคิดจะกู้เนี่ย ถ้าหากยังเป็นนายกประยุทธ์คนเดิม นายกประยุทธ์คนเดิมของเราเนี่ย ปัญหาทุกอย่างก็ยังคงวนเวียนอยู่เช่นเดิม กู้แล้วแจก แจกแล้วกู้ไปเรื่อยๆ นะคะ เพื่อหวังให้ประชาชนเนี่ยพึ่งพิงการสงเคราะห์ คุ้นชินกับการเยียวยาที่ไม่หมดไม่สิ้น จนมีคำเปรียบเปรยในยุคนี้ว่า ‘กดให้จนแล้วแจก'” นางสาวนภาพร กล่าว