อดีตเลขา สมช. เชื่อผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งใหญ่ ประชาชนลุกฮือร้องเปลี่ยนนายกฯ ใหม่ ชี้รัก 3 ป.จืดจางแล้ว เหลือแค่ดิ้นรนเอาตัวรอด
เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2565 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การเสนอตัวชิงผู้ว่าฯ กทม.เป็นพลังร่วม ส่งผลเป็นความปรารถนาของประชาชนทั่วประเทศในวันสงกรานต์ปีใหม่ไทยปีนี้ คืออยากจะได้นายกฯ คนใหม่ รัฐบาลใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อคืนชีวืตใหม่ให้กับคนไทย เนื่องด้วยผู้สมัครที่เสนอตัวชิงเป็นผู้ว่าฯ กทม.หลายคนล้วนเป็นบุคลากรที่ดูโดนใจ ส่งผลให้มิใช่เฉพาะความต้องการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เท่านั้น แต่ได้สร้างกระแสลามไปถึงปลายทางการเมืองใหญ่ที่อยากจะได้นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่แท้จริง
“แรงกดทับเสรีภาพและภาพผลงานอัปยศ 8 ปี จากน้ำมือของผู้นำสืบทอดอำนาจ คือมูลเหตุให้ประชาชนเกิดแรงจูงใจดังกล่าว จำนวนเยาวชนคนรุ่นใหม่นับล้านคน ซึ่งได้ยกฐานะขึ้นมาเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เวลาที่พวกเขารอคอยที่จะใช้สิทธิแสดงแสนยานุภาพมาถึงแล้ว”
พล.ท.ภราดร กล่าวอีกว่า ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 22 พฤษภา จะโชว์ศักยภาพของคนรุ่นใหม่ ที่จะบอกสังคมให้รู้ว่าพวกเขารู้ชอบชั่วดี มีวิจารณญาณที่ดีว่าการจะเลือกนักการเมืองที่เป็นตัวแทนที่ดีของประชาชนต้องทำเช่นไร ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะเป็นบทพิสูจน์ ณ วันนั้นเราจะได้เห็นว่าคนไหนของจริงคนไหนของปลอม
พล.ท.ภราดร กล่าวต่อว่า ผู้ว่าฯ คนใหม่จะทำให้เห็นผลงานเพียงแค่ 1 เดือน ก็สามารถพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญรุดหน้าได้ฉับพลัน ส่งผลให้ประชาชนทั้งประเทศลุกขึ้นมาเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนตัวนายกฯ สืบทอดอำนาจโดยเร็ว ยากที่ผู้นำสืบทอดอำนาจจะยื้อเวลานั่งอยู่ในอำนาจกันต่อไป
“ความรักของ 3ป. มันจืดจางแล้ว เหลือแต่การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของตัวใครตัวมัน เตรียมพบกับการเปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งใหญ่ในระยะเวลาอันใกล้นี้” พล.ท.ภราดร ระบุ