อดีต นร.หัวกะทิ จงใจสอบได้ 0 คะแนน ลั่นจะรวยเหมือน "บิลเกตส์" สุดท้ายมีชีวิตแบบนี้!

Home » อดีต นร.หัวกะทิ จงใจสอบได้ 0 คะแนน ลั่นจะรวยเหมือน "บิลเกตส์" สุดท้ายมีชีวิตแบบนี้!
อดีต นร.หัวกะทิ จงใจสอบได้ 0 คะแนน ลั่นจะรวยเหมือน "บิลเกตส์" สุดท้ายมีชีวิตแบบนี้!

ในประเทศจีน Gaokao (เกาเข่า) ถือเป็นข้อสอบที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจอนาคตของนักวิชาการในอนาคต อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลหลายประการ ผู้สอบจำนวนมากแทนที่จะพยายามทำข้อสอบให้ดีที่สุด  กลับเลือกที่จะส่งกระดาษเปล่าแทน

ตัวอย่างกรณีของผู้สมัครแซ่จาง  จากมณฑลส่านซี ในระหว่างการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปี 2010 ก็กลายมาเป็นคนที่โด่งดังในโลกออนไลน์ เพราะเขาได้ทำข้อสอบได้ “0 คะแนน”   แม้เรื่องราวของเขาเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว แต่มักถูกนำมาเล่าซ้ำทุกครั้งที่ใกล้สอบเกาเข่า

ตามรายงานของ The Paper นายจางเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน นั่นเป็นสาเหตุที่เขาตั้งใจเรียนอย่างหนักมาตั้งแต่เด็กๆโดยหวังว่าสักวันหนึ่งจะ “เปลี่ยนชีวิตของเขา” ในชั้นเรียนเขามักจะเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมเสมอ เมื่อประกอบกับความมีวินัยในตนเองสูง จึงไม่เคยทำให้พ่อแม่และครูกังวลเลย

ด้วยความสำเร็จดังกล่าว หลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมต้น เขาก็ได้รับการยอมรับเข้าสู่โรงเรียนมัธยมปลายชั้นนำในท้องถิ่นตามที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ที่โรงเรียนแห่งนี้เต็มไปด้วยนักเรียนที่ยอดเยี่ยม เขาต้องอดทนกับความกดดันอย่างมากในการเรียน ความไม่มั่นคงทางจิตใจ บวกกับการขาดแรงสนับสนุนเรียนพิเศษเพิ่มเติมของครอบครัว ทำให้เขาไม่สามารถตามเพื่อนในชั้นเรียนได้ทัน และค่อยๆ สูญเสียแรงจูงใจในการพยายามอย่างหนัก แน่นอนว่าผลการเรียนของเขาก็ลดลงเช่นกัน

3 ปีของโรงเรียนมัธยมปลายผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย นายจางรู้ว่าเขาไม่สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถอธิบายความสิ้นหวังของเขาให้พ่อแม่ฟังได้ ดังนั้นจึงเริ่มรู้สึกรังเกียจโรงเรียน ครู และเพื่อนมากยิ่งขึ้น ยังกล่าวอีกว่าหากไม่มีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็จะไม่ต้องทนต่อแรงกดดันดังกล่าว ดังนั้นในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปี 2010 เขาจึงไม่ได้ทำข้อสอบ และรับคะแนนเป็น 0 ในทุกวิชา

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ส่งกระดาษเปล่าๆ แต่ในข้อสอบแต่ละข้อเขาเขียนสำนวนจีน แปลใจความได้ประมาณว่าไม่ทำลายของเก่าก็สร้างใหม่ไม่ได้ ถ้าไม่เกิดก็ตาย อิงจากเรื่องราวของนายพลที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์จีน สำนวนนี้เป็นการแสดงออกถึงความตั้งใจของฮีโร่ที่จะต่อสู้และชนะ ในกรณีของนายจางหมายถึงความไม่พอใจในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

พฤติกรรมของเขาดึงดูดความสนใจของสื่อมวลชน  และต่อหน้ากล้องชายหนุ่มคนนี้ก็ประกาศอย่างมั่นใจว่า เขายังสามารถรวยได้เหมือน บิล เกตส์ โดยไม่ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย  “ผมอยากเป็นบิล เกตส์แห่งประเทศจีน ในอีก 10 ปีข้างหน้า ผมจะได้รับโชคลาภ 10 ล้านหยวน”

ด้วยข้อความข้างต้น นายจางเชื่อว่าต่อมาเขาจะมีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องจากทุกคน อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงผู้คนมองว่าเขาเป็นเพียงคนฟุ้งเฟ้อและน่าตำหนิเท่านั้น เช่นเดียวกับชื่อของเขาที่ปรากฏบนสื่อชั่วครู่หนึ่งเท่านั้น จากนั้นก็ถูกลืมไปจากความคิดเห็นของสาธารณชนอย่างรวดเร็ว แม้แต่นายจางเองก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่หุนหันพลันแล่นในวัยเยาว์ของเขาจะทำให้เขาเสียใจในภายหลัง

ชีวิตที่เคยฝัน และราคาของฟุ่มเฟือยที่ต้องจ่าย

หลังจากพลาดสอบเข้ามหาวิทยาลัย นายจางก็เดินทางไปเซี่ยงไฮ้เพื่อหางานทำ เนื่องจากที่นี่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่มีโอกาสทำงานมากมาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาไม่สำเร็จการศึกษา จึงได้เพียงทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ โดยมีค่าจ้างพอเลี้ยงชีพเท่านั้น เขาไม่สามารถยอมรับชีวิตเช่นนี้ได้ จึงมุ่งมั่นที่จะแสดงหาเส้นทางร่ำรวย แต่เนื่องจากไม่สามารถหาวิธีทำเงินได้เร็วขึ้นด้วยวิธีสุจริต จึงยอมเสี่ยงเข้าสู่เส้นทางแห่งอาชญากรรมกับเพื่อนคนหนึ่ง

พวกเขาซื้อข้อมูลผู้ใช้บัตรเครดิตจากช่องทางที่ผิดกฎหมาย จากนั้นจึงสร้างบัตรเครดิตปลอมและถอนเงิน ยิ่งเขาหาเงินได้มากเท่าไร ความโลภก็ยิ่งมากขึ้น และการละเมิดกฎหมายก็มากขึ้นเท่านั้น ในปี 2011 หลังจากที่หลายคนประณามและร้องเรียน พฤติกรรมทางอาญาของเขาก็ถูกตำรวจเปิดเผยเช่นกัน สุดท้ายนายจางถูกตัดสินจำคุก 4 ปี 3 เดือน และปรับ 120,000 หยวน ผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาก็ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี 6 เดือน และปรับ 100,000 หยวน

4 ปีกับชีวิตหลังลูกกรง ทำให้ชายหนุ่มคนนี้ตระหนักถึงหลายสิ่งหลายอย่าง ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ เขายอมรับว่าเสียใจมากที่ไม่คำนึงถึงการสอบ และกระทำการที่ไม่อาจยอมรับได้ ปัจจุบันแม้เขาจะเป็นอิสระแล้ว แต่ชีวิตก็ไม่ได้ราบรื่นและร่ำรวยอย่างที่ฝันไว้

จากเรื่องราวของชายคนนี้ จะเห็นได้ว่าบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ ไม่มีเส้นทางใดที่สั้นและมั่นคงไปกว่าเส้นทางฝึกฝนตัวเองให้มีความสามารถ บิล เกตส์ ลาออกจากสถานศึกษาแต่ยังคงประสบความสำเร็จ เพราะที่เขาลาออกคือ Harvard ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ไม่เพียงแค่นั้นเขายังมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง มีวุฒิการศึกษาที่ดี และมีความสามารถโดดเด่น

สำหรับคนธรรมดาแม้จะอยู่ห่างไกลจากเส้นชัยอย่างนายจาง หากต้องการเก็บเกี่ยวผลไม้รสหวานก็ต้องผ่านกระบวนการปลูกและดูแลรักษา  หากพลาดไปหนึ่งก้าวสิ่งที่ได้รับก็อาจเป็นผลไม้รสขม…

  • รู้หรือไม่? “โนบิตะ” สอบได้ 0 คะแนนตลอด แต่ทำไมไม่ต้องเรียนซ้ำชั้น มีคนมาเฉลยแล้ว!
  • ขายบ้านตามหา “ลูกสาวคนเก่ง” หายตัวหลังเรียนจบ เจอสภาพรุงรัง ใจพังรู้เหตุผลที่หนีมา

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ