หัวอกพ่อ.. ลูกสาวทนทุกข์จากโรค SLE พ่อตัดสินใจทำสิ่งที่ผู้คนนับล้านหลั่งน้ำตา

Home » หัวอกพ่อ.. ลูกสาวทนทุกข์จากโรค SLE พ่อตัดสินใจทำสิ่งที่ผู้คนนับล้านหลั่งน้ำตา
หัวอกพ่อ.. ลูกสาวทนทุกข์จากโรค SLE พ่อตัดสินใจทำสิ่งที่ผู้คนนับล้านหลั่งน้ำตา

ไม่อยากเห็นลูกสาวต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE ผู้เป็นพ่อตัดสินใจทำสิ่งที่ทำให้คนนับล้านต้องหลั่งน้ำตา

เมื่อไม่นานมานี้ เรื่องราวของหญิงสาวชื่อ ซาไป่ ได้ทำให้ชุมชนออนไลน์จีนต้องหลั่งน้ำตา ซาไป่ เป็นสาวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงบนโซเชียลมีเดีย เพราะเธอมักแบ่งปันเรื่องราวชีวิตประจำวันและประสบการณ์การท่องเที่ยวหรูหราที่หลายคนชื่นชอบ

แต่แม้จะมีชีวิตที่มั่นคงในด้านวัตถุ แต่ซาไป่กลับป่วยเป็นโรคร้ายแรงอย่างโรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE (Systemic Lupus erythematosus) หรือ ลูปัส เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นลูปัสตั้งแต่อายุ 20 ปี และนับตั้งแต่นั้นร่างกายของเธอก็เริ่มถูกโรคนี้ทำลาย

โรคลูปัส หรือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง ซึ่งหมายความว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะโจมตีเนื้อเยื่อที่แข็งแรงของตัวเอง โรคนี้สามารถส่งผลกระทบต่อหลายส่วนของร่างกาย ตั้งแต่ผิวหนัง ข้อต่อ ไปจนถึงอวัยวะภายใน เช่น ไต หัวใจ และปอด

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคลูปัสให้หายขาด การรักษามุ่งเน้นไปที่การลดอาการ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

ในปี 2024 ซาไป่เกิดอาการกำเริบของโรคเป็นครั้งที่ 7 และครั้งนี้ภาวะแทรกซ้อนทำให้เธอไตวายอย่างรุนแรงจนต้องฟอกไตอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ฟอกไต ซาไป่ต้องทนกับความเจ็บปวดนาน 5 – 6 ชั่วโมง

เมื่อเห็นว่าร่างกายของตนเองแย่ลงเรื่อยๆ และไม่ต้องการทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป ซาไป่จึงตัดสินใจทำ “การุณยฆาต” เธอได้ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ตัวเองและพ่อเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ ซาไป่อยากให้พ่อได้อยู่กับเธอในช่วงสุดท้ายของชีวิต

พ่อของซาไป่เป็นครู และได้คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอในการรักษาโรค แต่เมื่อได้ยินการตัดสินใจของลูกสาว เขาใช้เวลานานกว่าจะสามารถยอมรับได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาไม่อยากเห็นลูกต้องอยู่กับความเจ็บปวดจากโรคนี้

5 วันก่อนการุณยฆาต ซาไป่และพ่อได้เดินทางท่องเที่ยวด้วยกัน ชมการตกของหิมะ และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ในวคลิปทั้งหมดที่ซาไป่บันทึกและโพสต์ลงบนช่องส่วนตัว เธอได้ฝากฝังให้พ่อดูแลสุขภาพตัวเองเมื่อเธอจากไปแล้ว

คลิปที่บันทึกช่วงเวลาของสองพ่อลูกนี้ทำให้ผู้ชมนับล้านหลั่งน้ำตา บางคนสนับสนุนการตัดสินใจของซาไป่ แต่ก็มีบางคนที่ตั้งข้อถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอ

กระทั่งเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซาไป่ได้จากโลกนี้ไปอย่างเป็นทางการ โปรไฟล์ส่วนตัวของเธอถูกเปลี่ยนเป็นสีดำ และคลิปวิดีโอทั้งหมดก็หายไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ