หนุ่มเชียงรายเจอ 2 ข้อหา ตัดต่อภาพ "เนวิน" ยืนแลบลิ้นถือป้าย VAR ทำเสียชื่อเสียง

Home » หนุ่มเชียงรายเจอ 2 ข้อหา ตัดต่อภาพ "เนวิน" ยืนแลบลิ้นถือป้าย VAR ทำเสียชื่อเสียง
หนุ่มเชียงรายเจอ 2 ข้อหา ตัดต่อภาพ "เนวิน" ยืนแลบลิ้นถือป้าย VAR ทำเสียชื่อเสียง

หนุ่มเชียงราย เดินทางมาบุรีรัมย์ รับทราบข้อหา โพสต์ภาพตัดต่อ “เนวิน” ยืนแลบลิ้นถือป้าย VAR ทำเสียชื่อเสียง

(29 ต.ค.64) นายวรากร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี หนุ่มชาว ต.บุญเรือง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธงรัฐฐ์ เขียวสนาม รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังจากที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ได้มอบอำนาจให้ผู้แทนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บ้านกรวด ให้ดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง

สืบเนื่องจากผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว ได้นำภาพที่นายเนวินยืนและแลบลิ้นหัวเราะ จำนวน 11 ภาพ ที่มีการตัดต่อ เติม หรือตัดแปลง แล้วนำข้อความว่า “VAR” มาเติมใส่ในมือของนายเนวิน แล้วโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวลงใต้เพจๆ หนึ่ง ที่เปิดเป็นสาธารณะประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าว ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่านายเนวิน โกงการแข่งขัน และคุมเกมการแข่งขันฟุตบอล ที่กรรมการตัดสินต้องเข้าข้างทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด อันเป็นการได้เปรียบทีมคู่แข่ง

ซึ่งถือเป็นภาพและข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้ที่ถูกตัดต่อภาพและนำไปโพสต์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย และเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งพฤติการณ์และการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อาจเข้าถึงได้ซึ่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฎเป็นภาพของบุคคลอื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใดก็ตาม ทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดซัง หรือได้รับความอับอายหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา”

ทางพนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหานายวรากร 2 ข้อหา คือ นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แต่นายวรากร ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล หลังจากแจ้งข้อกล่าวหาแล้วพนักงานสอบสวนก็ได้ปล่อยตัว จากนั้นจะได้สรุปสำนวนส่งอัยการเพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.กัมพล วงษ์สงวน ผกก.สภ.บ้านกรวด กล่าวว่า กรณีดังกล่าวที่มีการนำภาพที่ได้ทำการตัดต่อดัดแปลงมา ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อด้วยตัวเองหรือนำภาพมาจากไหนก็ตาม แล้วทำการโพสต์แชร์ในเฟซบุ๊ก ถือเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้ที่ถูกตัดต่อภาพได้รับความอับอายขายหน้า ถือเป็นความผิดฐานเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งมีโทษจำและปรับตามกฎหมาย

“อยากจะฝากเตือนผู้ที่คิดจะโพสต์หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ก็ควรจะระมัดระวังไม่ควรจะละเมิดซึ่งกันและกัน เพราะหากมีการพาดพิงทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายก็จะถูกดำเนินการคดีตามกฎหมาย สำหรับเคสนี้ผู้กระทำผิดต้องเดินทางมาไกลจาก จ.เชียงราย เสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าใช้จ่าย และยังถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอีก” พ.ต.อ.กัมพล กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ