วานนี้ (1 ก.ย.64) ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “ว่าที่สิบเอกจารุวงศ์นิลบรรพต” โพสต์ภาพศาลาในวัด พร้อมเขียนข้อความว่า กักตัวรักษาตรวจเชื้ออยู่โรงพยาบาลสนามหนองกี่ บุรีรัมย์ครบ 14 วันแล้ว หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ มีใบรับรองแพทย์ เชื้อโควิดก็หายแล้ว แต่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้านอีก 14 วัน นี่มันอะไรกัน ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องช่วยลงพื้นที่มาดูด้วยครับ กับข้าว 3 มื้อก็ไม่ได้ ไม่มีอะไรกิน เอามากักตัวที่ไหนไม่ว่าหรอกครับ นี่มันที่เผาศพ ศาลาพักศพ ทำแบบนี้เผาผมดีกว่าไหม ทำไมทำแบบนี้ผมงง ช่วยกดไลก์กดแชร์คนละแชร์ เพื่อให้ถึงผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ตำบลทุ่งกระเต็น จ.บุรีรัมย์ ด้วยครับ
โดยผู้โพสต์ยังไลฟ์สด บรรยายความรู้สึก ระบุว่า ศาลาที่ให้ตนเองมากักตัว เป็นศาลาที่ไว้สำหรับตั้งสวดศพคนตาย ก็ไม่รู้ว่าประสานงานกันแบบไหนทาง รพ.ก็บอกว่าให้กลับไปกักตัวที่บ้านได้ แต่ทางผู้นำชุมชนกลับให้มากักตัวที่ศาลาพักศพในวัด เขายังบอกด้วยว่าให้กักตัวที่วัดก็ไม่ว่า แต่ก็ไม่ควรจะเป็นศาลาพักศพหน้าเมรุแบบนี้ ก็ฝากถึงผู้หลักผู้ใหญ่ให้มาดูด้วย ว่าบรรยากาศสถานที่กักตัวช่วงกลางคืนแสนวังเวงและขนลุกขนาดไหน เพราะเขากักตัวอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว ไม่รู้จะนอนหลับหรือไม่ ต้องโทรศัพท์คุยกับญาติพี่น้องทั้งคืน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าของเฟซบุ๊กที่โพสต์คลิปดังกล่าว คือ ว่าที่สิบเอกจารุวงศ์ นิลบรรพต อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่กรุงเทพมหานคร ทั้งยังเป็นอาสาสมัครกู้ภัยฯด้วย เขาให้ข้อมูลว่า ช่วงที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ทางบริษัทได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดพนักงานในบริษัท วันที่ 10-13 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่ตนตรวจไม่พบเชื้อ ต่อมาวันที่ 17 สิงหาคม ตนซื้อที่ตรวจแบบ ATK มาตรวจ ก็ไม่พบเชื้อ จึงตัดสินใจ เดินทางกลับมาบ้านแฟนที่ อ.หนองกี่ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม
ต่อมาวันที่ 21 สิงหาคม ตนรู้สึกว่าจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส จึงไปบอกแจ้งกับทาง อสม.ในพื้นที่ จากนั้นก็ได้ไปตรวจที่ รพ.หนองกี่ พบว่าติดเชื้อโควิค และพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหนองกี่ 2 วัน อาการเริ่มดีขึ้นวันที่ 23 ส.ค. ก็ให้ไปอยู่ที่ รพ.สนาม
กระทั่งถึงวันที่ 1 กันยายน แพทย์ก็อนุญาตให้กลับไปกักตัวที่บ้านได้ เพราะรักษาหายแล้ว โดยมีใบรับรองแพทย์ให้กลับไปกักตัวที่บ้านได้ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เช่น ไม่กินอาหารร่วมกับคนในครอบครัว อยู่เป็นสัดส่วนของตัวเอง ตนก็ดีใจ ถือเอกสารกลับบ้านมาหาภรรยา และพ่อตาแม่ยายที่บ้านคูใหญ่ ต.ทุ่งกระเต็น อ.หนองกี่
แต่พอมาถึงทางผู้ใหญ่บ้าน และ อสม. ได้ให้ตนมาพักในศาลาพักศพหน้าเมรุเผาศพคนเดียว ซึ่งตนรู้สึกว่าไม่เหมาะสมและเป็นธรรมกับตัวเอง จึงอยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลด้วย