หนีตลอดชีวิต รองโฆษก อสส. เผยศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 2 ออกหมายจับฉบับใหม่ ‘สุนทร วิลาวัลย์’ หลังอายุความสะดุดตามกฎหมาย ป.ป.ช.-วิ อาญาคดีทุจริตฯ
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2565 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้าในคดีที่พนักงานอัยการนัดส่งตัวฟ้อง นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ในคดีการมีส่วนร่วมบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ช่วงปี 2545 ที่มีรายงานว่าคดีได้หมดอายุความวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการประสานงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 โดยนายพิจิตร จูฑะประชากุล อธิบดีอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้ความว่า วันนี้ (16 มิ.ย.) ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบฯภาค 2 ได้ออกหมายจับนายสุนทร ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายเเก่รัฐ มาตรา 151
โดยให้ส่งตัวมาให้พนักงานอัยการนำตัวยื่นฟ้องศาล เนื่องจากเป็นการหลบหนีระหว่างคดี จึงไม่นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกกล่าวหาระหว่างหลบหนีเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ ตามมาตรา 7 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 เเละมาตรา 13 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 โดยคดีที่ศาลออกหมายจับนี้เป็นไปตามที่พนักงานอัยการมีหนังสือเเจ้งให้ ป.ป.ช. ไปขอออกหมายจับ จนเป็นที่มาการออกหมายจับวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งมีการเเก้ไขใหม่ มาตรา 7 บัญญัติไว้ว่า ในการดำเนินคดีอาญาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช.ฉบับนี้ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไประหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลย ถ้าจำเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ มิให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 98 มาใช้บังคับ
เเละมาตรา 13 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ในการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดีหรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ