พระเผยวิญญาณ “หนุ่มคลั่ง” วนเวียนบนศาลาลากเก้าอี้ดังสนั่น หลังญาติคาใจสาเหตุการตาย เก็บไว้ไม่เผาพร้อมส่งชันสูตรใหม่อีกรอบ
กรณี นายดลรวี วัย 30 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่ง และเสียชีวิตขณะกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลอ่างทอง หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวและเกิดการขัดขืน จนต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย ในการช่วยกันจับกุมตัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา
ซึ่งทางญาติติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ที่ใช้เข่าในการกดตัวนายดลรวี และสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ให้นายดลรวีเสียชีวิต ซึ่งทางญาติได้ทำพิธีฌาปนกิจศพไปเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา ณ วัดสี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
โดยมีญาติๆ เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก แต่หลังจากทำพิธีเผาหลอกแล้วทางญาติได้เก็บศพของนายดลรวีไว้ที่ศาลาวัดดังกล่าวอีกครั้ง เนื่องจากเห็นสภาพศพของนายดลรวีแล้วยังติดใจสาเหตุการตายและไม่มั่นใจการชันสูตร
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงเก็บศพไว้และรอให้ทำพิธีทางศาสนาและทำบุญจนแล้วเสร็จก่อน และช่วงค่ำที่ผ่านมาทางญาติๆ ได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยอ่างทองนำศพส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อชันสูตรใหม่อีกรอบ
ขณะที่เกิดเรื่องราวของเฮี้ยนของศพนายดลรวีที่เก็บไว้บนศาลาเล็กภายในวัดสี่ร้อย เมื่อมีผู้ได้ยินเสียงลากเก้าอี้พลาสติกซึ่งตั้งอยู่ข้างโลงเย็นที่บรรจุศพของนายดลรวี โดย พระกนก อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า หลังงานเผาศพเสร็จแล้วและนำศพเก็บเข้าโลงเย็นเพื่อรอญาตินำไปชันสูตร
พอดีที่วัดมีงานศพที่ศาลาใหญ่ที่อยู่ใกล้กัน ทางเจ้าภาพต้องการใช้เก้าอี้จึงมาถามตน ตนจึงให้ไปยกที่บริเวณใกล้โลงเย็นด้านหลังศาลาการเปรียญหลังเล็ก
ปรากฏว่าคนที่ไปยกมาเล่าให้ฟังว่าขณะที่เดินเข้าไปจะเข้าศาลาได้ยินเสียงคนลากเก้าอี้ในศาลาดังลั่นทั้งๆ ที่ไม่มีคนอยู่ จึงกลับมาบอกพระให้ไปดู ซึ่งเมื่อไปดูก็ไม่เจอใคร ตนเองก็เลยบอกขึ้นมาลอยๆ ว่า “ไม่ต้องมาช่วยเขาขนเก้าอี้ ให้กลับบ้านไปหาลูกเมียเถอะ” ซึ่งหลังจากคืนนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเสียงอีกเลย
ด้าน นางพรสม มารดาของนายดลวรี ซึ่งยังทำใจไม่ได้และเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุทำให้ลูกของตนเองเสียชีวิต ยืนยันที่จะเดินหน้าหาความเป็นธรรมให้กับลูกชาย ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังงัยก็จะเดินหน้าให้ถึงที่สุด
ขณะที่ นางภัคนิจ อายุ 30ปี ภรรยาของนายดลรวี เปิดเผยว่า จริงๆ วันนั้นก็ตั้งใจจะเผาแล้ว แต่เมื่อนำศพลงมาแล้วญาติๆ เข้าไปดูกันพบจุดผิดสังเกตหลายอย่าง จึงปรึกษากันและตัดสินใจที่จะเก็บศพไว้เพื่อชันสูตรอีกครั้ง
ซึ่งวันที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งศพนายดลรวีพิสูจน์ที่โรงพยาบาลตำรวจ ทางญาติๆ ก็ยังงงกันอยู่ว่าทำไมถึงไม่ส่ง รพ.ธรรมศาสตร์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งบอกว่าถ้าไม่ส่งโรงพยาบาลตำรวจก็จะไม่ส่งชันสูตรให้ทำให้ญาติต้องยอม แต่ก็ยังติดใจอยู่จึงตัดสินใจเก็บศพไว้ส่งพิสูจน์เองเพื่อจะหาข้อเท็จจริงต่อไป