สุดสลด! พ่อเลี้ยงหื่นข่มขืนลูกสาวพิการทางสมอง วัย 11 ขวบ แม่สุดทนหอบลูกพึ่งปวีณา
แม่สุดทนร้องปวีณา ผัวใหม่ติดยาข่มขืนลูกสาวพิการทางสมอง วัย 11 ขวบ บังคับให้เป็นเมียอีกคนบำเรอกาม อ้างหน้าตาเฉยจะได้เลี้ยงดูทั้งแม่และลูกตลอดชีวิต พอปฏิเสธกลับโดนซ้อมน่วมทั้งแม่และลูก ตำรวจเขาหินซ้อน ตามรวบตัวได้ทันควัน หลังหนีไปกบดานที่ปราจีนบุรี พบประวัติโชกโชนทั้งเสพยา-ลักทรัพย์
ทั้งนี้ รายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ได้เชิญ น.ส.ก้อย (นามสมมติ) แม่ของเด็กหญิงที่ถูกกระทำ นก และ บี เพื่อนบ้านของผู้เสียหาย มาพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
น.ส.ก้อย (นามสมมติ) แม่ของเด็กหญิงที่ถูกกระทำ เล่าให้ฟังว่า “รู้จักกับผู้ต้องหาทางเฟซบุ๊ก แล้วเขามาหาที่บ้าน มาอยู่ด้วยกัน ตอนที่เจอครั้งแรก เขาเป็นคนดี ดูแลทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าวให้กิน
หลังๆ มา ก็กลายเป็นเราเป็นคนหาเลี้ยงเขามาโดยตลอด อยู่ไปอยู่มาก็มาบอกให้เราขายที่ดิน ได้เงินมาก้อนเขาก็ซื้อรถยนต์คันใหม่ ตอนนั้นประกอบอาชีพให้เช่าพระ พอย้ายมาฉะเชิงเทรา ก็มาอยู่กับเขาตระเวนไปตระเวนมาจนเงินหมด เขาก็ไม่ได้ทำงานอะไร สุดท้ายเขาก็เล่นเฟซบุ๊กไปเจอผู้หญิงคนใหม่ เขาเพิ่งมาทำร้ายร่างกายเราตอนที่ไปติดผู้หญิงคนใหม่ ทิ้งเราไว้ที่วัดที่ฉะเชิงเทรา อยู่กับลูก 2 คน
หลังจากที่ถูกผู้หญิงคนใหม่บอกเลิกเขาก็กลับมาขอร้อง เราก็กลับมาคืนดีกัน ตอนนั้นนึกว่าเขาจะกลับตัวเป็นคนดีได้ ตอนที่โดนทำร้ายร่างกาย ก็มีทั้งเตะ ต่อย ไม้ตี แต่ตอนนั้นเราไม่ได้แจ้งความ เพราะอยากให้เขากลับตัว
แต่ฟางเส้นสุดท้ายคือ เขามาทำกับลูกเราก็ทนไม่ไหว เขามาเอ่ยปากบอกเราเองว่าขอนอนกับลูก แล้วเราไม่ยอม เขาก็ทำร้ายอีก เขาบอกถ้ายกให้ก็จะรับเลี้ยงทั้งแม่และลูกไปตลอดชาติ ที่ทราบว่าลูกโดนล่วงละเมิด ก็ตอนที่เขาให้ออกไปซื้อกับข้าวข้างนอก กลับมาเราก็ถามลูกว่า เขาทำอะไรลูกหรือเปล่า ลูกสาวก็ตอบว่าโดนล่วงละเมิดทางเพศ แล้วขู่ว่าไม่ให้ไปบอกใคร นั่นคือฟางเส้นสุดท้ายแล้ว เราก็เลยมาปรึกษา นก กับ บี เพื่อนบ้านว่าทำยังไงดี เขาเลยพาไปแจ้งความ”
ด้าน บี เพื่อนบ้านอีกคน บอกว่า “เราเห็น น.ส.ก้อย (นามสมมติ) ถูกทำร้ายมาเรื่อยๆ เห็นตัวผู้ชายตีเด็ก เรารับเรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว มีเข้าไปคุย แต่แม่ก้อยเขาบอกว่ายังรักผู้ชายคนนั้นอยู่ และยังคิดว่าทนไหว เราก็เลยปล่อยเลยตามเลยไปก่อน จนเขาไม่ไหวแล้วมาขอให้ช่วย ครั้งล่าสุดเราไปแจ้งความแล้ว แต่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตัวแม่เองก็ไม่มีเงินเลย เราเลยแจ้งเรื่องไปทางมูลนิธิปวีณาฯ”
ทางรายการ ถกไม่เถียง จึงต่อสายไปยัง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย นางปวีณา เปิดเผยว่า “หลังจากพลเมืองดีได้แจ้งมา วันที่ 12 พฤษภาคม ก็ได้แจ้งไปทางตำรวจทันทีว่ามีการถูกกระทำ และมีการถูกทำร้ายด้วย ทางผู้กำกับฯ ก็ให้พลเมืองดีพาคุณแม่มาหาในวันรุ่งขึ้น และขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินการ ในวันที่ 18 พฤษภาคม ช่วงบ่าย ตำรวจได้ขอหมายศาล จนออกหมายจับมาได้ ต่อมาในวันที่ 19 พฤษภาคม ช่วงเที่ยง ผู้กำกับฯ ก็แจ้งว่าสามารถจับกุมตัวได้แล้ว จะนำตัวไปฝากขัง และได้รู้ว่าเขาเคยก่อคดีอื่นอีกเยอะมาก
สาเหตุเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว และเหยื่อถูกล่วงละเมิด ไม่กล้ามาแจ้งความ ส่วนใหญ่เป็นเพราะความกลัว เขาถูกกระทำมาปีแล้วปีเล่า ถูกครอบงำไปด้วยความกลัว ทำให้ไม่กล้าที่จะออกมาขอความช่วยเหลือ ซึ่งกรณีแบบนี้ ทางมูลนิธิได้รับการแจ้งมาวันหนึ่งประมาณ 30 – 60 เคส ก็อยากจะฝากบอกผู้ถูกกระทำว่า ถ้าถูกล่วงละเมิดทางเพศ อย่าทน ให้บอกคนที่ไว้วางใจที่สุด แล้วไปแจ้งตำรวจ หรือพัฒนาสังคม หรือทางมูลนิธิ จะได้หาทางช่วยเหลือกัน”
นอกจากนี้ ทางรายการยังได้ต่อสายพูดคุยถึงความคืบหน้าของคดีกับ พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ เพ็ชรศักดิ์ ผกก.สภ.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งให้ข้อมูลว่า “ตอนนี้ผู้ก่อเหตุขอให้การในชั้นศาล และจากการตรวจสอบประวัติ พบว่า ในปี 2549 เขาโดนคดีฉ้อโกงที่ชลบุรี ในปี 2550 มีคดีลักทรัพย์ และ ปี 2561 มีคดีเสพยาเสพติดให้โทษ ล่าสุดมาถูกจับข้อหาคดีกระทำชำเราเด็กไม่เกิน 13 ปี โดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้กำลังประทุษร้าย แก่คนทุพพลภาพ
สำหรับเรื่องเรื่องหลักฐานเอาผิดนั้น ได้สอบปากคำแม่ของเด็ก และตัวของเด็ก ไปก่อนที่จะออกหมายจับ ตอนนี้รอผลการตรวจร่างกาย เบื้องต้นมีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนเรื่องที่ให้การช่วยเหลือแม่ของเด็กนั้น ตอนที่เจอทราบว่า คุณแม่เขาไม่มีที่อยู่ และไม่มีโทรศัพท์ เพราะโดนผู้ก่อเหตุเอาไป ทางผมก็กลัวว่าจะไม่สามารถติดต่อได้ เลยให้เจ้าพนักงานหาที่อยู่อาศัยให้ และนำไปฝากงานเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงตัวเองและลูก”
สุดท้ายทางรายการยังติดต่อไปยัง เบญจมาศ ลิ้มสุขศิริ รักษาราชการแทน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อพูดคุยถึงการเยียวยาช่วยเหลือเบื้องต้นว่า “ตอนนี้ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับลูกสาว ว่าจะให้ไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์หรือไม่ เพราะมีที่พักอาศัย และให้การศึกษาทุกอย่างครบถ้วน ส่วนเรื่องงานของคุณแม่นั้น ต้องประสานกับสำนักงานจัดหางานต่อไป สำหรับคุณแม่ ต้องหาที่อยู่อาศัยของตัวเอง ไม่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยด้วยกันได้ ในช่วงเวลาที่คุณแม่ยังไม่พร้อม สามารถให้ลูกสาวไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์เป็นการชั่วคราวก่อนได้ และเมื่อคุณแม่พร้อมก็สามารถมารับไปอยู่ด้วยกันในภายหลัง
ซึ่งจากข้อมูลของ พม.ดังกล่าว ทาง น.ส.ก้อย (นามสมมติ) ผู้เสียหายเปิดเผยว่า “ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับข้อเสนอของทาง พม. เพราะรอให้การจัดการของลูกสาวเสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงไปหางานทำ อยากทำงานแม่บ้าน เพราะสุขภาพไม่ค่อยดีด้วย ป่วยเป็นไทรอยด์ และทาลัสซีเมีย ตอนนี้อยากให้ลูกสาวได้เรียนหนังสือ ส่วนตัวเองตอนนี้อาศัยอยู่ที่บ้านพักของนายจ้าง ที่ผู้กำกับฯ ไปฝากงานเอาไว้ให้”
สามารถติดตามชมรายการ “ถกไม่เถียง” ย้อนหลังได้ทางเพจเฟซบุ๊ก www.facebook.com/terodigital รวมทั้งทางช่องยูทูบ Tero Digital และรับชมรายการสดได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com