สุดรันทด! วอนช่วยยายวัย 71 เสาหลักหาเลี้ยง 5 ชีวิต รับจ้างทำขนมไม่พอใช้จ่าย บางวันต้องกินข้าวคลุกน้ำปลา ซ้ำค้างค่าเช่าบ้านใกล้ไร้ที่อยู่

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2565 ที่กลุ่มขนมไทยวัดกลาง ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน กศน.อำเภอนาโยง หมู่ 5 บ้านวัดกลาง ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง นางปรีดารัตน์ ชัยสงคราม อายุ 54 ปี ประธานกลุ่มขนมบ้านวัดกลาง แจ้งผู้สื่อข่าวเพื่อให้ช่วยเหลือ นางกัลยา ทิพย์สุวรรณ อายุ 71 ปี ที่เป็นเสาหลักครอบครัวต้องดูแลลูกชายและหลานรวม 5 ชีวิต หลังจากสามีเสียชีวิตลงได้ประมาณ 2 ปี ความเป็นอยู่แสนลำบากต้องมารับจ้างทำขนมได้ค่าแรงตกวันละ 100-200 บาท ลูกชายคนโตป่วยพิการมือซ้ายลีบงอ มีพัฒนาการช้าตั้งแต่เด็ก

ส่วนลูกชายคนเล็กตกงานมาร่วมปี รับจ้างซ่อมรถเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่รายได้ไม่พอจุนเจือใช้จ่ายในครอบครัว ทั้งยังค้างค่าเช่าบ้านไว้ 2 เดือน เป็นเงิน 5,000 บาท เจ้าของบ้านมีความจำเป็นต้องเชิญออกให้หาที่อยู่ใหม่ อาศัยเพื่อนกลุ่มสมาชิกหยิบยื่นน้ำใจช่วยเหลือเป็นข้าวสาร อาหารแห้ง และเงินบางส่วน

นางปรีดารัตน์ ชัยสงคราม อายุ 54 ปี ประธานกลุ่มขนมบ้านวัดกลาง เปิดเผยว่า ครอบครัวของนางกัลยาลำบากมากจริงๆ นางกัลยามาช่วยทำขนมที่กลุ่มได้หลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้จะมาช่วยทำขนมในช่วงเทศกาลเดือน 10 เพราะมีคนสั่งทำขนมเป็นจำนวนมาก ได้ค่าแรงประมาณ 300 บาทต่อวัน พอเสร็จสิ้นเทศกาลนางกัลยาก็ไม่มีรายได้จากทางไหน ตนจึงให้กลับมาช่วยทำขนม ก็ช่วยกันดูแลครอบครัวของนางกัลยาได้แค่เล็กๆ น้อย

นางปรีดารัตน์ กล่าวต่อว่า กระทั่งช่วงโควิด-19 ระบาด ขนมก็ขายยาก ออเดอร์ไม่ค่อยมี แต่เราก็ไม่เคยทิ้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา สมาชิกในกลุ่มต้องเวียนกันไปรับส่งนางกัลยาที่บ้านในซอยข้างที่ทำการอำเภอนาโยงทุกวัน เพื่อให้ได้มาทำขนม ส่วนในมื้อเที่ยง พวกตนก็หุงข้าวทำแกงทุกวัน เพื่อให้นางกัลยาและลูกได้กินข้าวกันที่นี่ด้วย ช่วงเย็นเมื่อนางกัลยารับเงินค่าทำขนม ก็ไปซื้อข้าวสารบ้างเป็นกับข้าวบ้างเพื่อให้ลูกกับหลานได้กิน ตนพยายามช่วยเหลือเท่าที่ให้ได้ เนื่องจากมีภาระส่วนตัวเช่นกัน

นางปรีดารัตน์ กล่าวอีกว่า ปัญหาอีกอย่างคือบ้านที่กัลยาเช่าอยู่ ที่ผ่านมาเจ้าของบ้านเช่าก็ใจดี แต่มีความจำเป็นต้องเอาบ้านคืน ประกอบกับนางปรีดารัตน์ค้างค่าเช่าบ้านมาแล้ว 2 เดือน เคยมาร้องไห้ระบายให้ตนฟัง ตนเกิดความสงสารแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง นางกัลยาได้ไปพูดคุยกับเจ้าของบ้านเช่าแล้ว ขออยู่ต่ออีกนิดพยายามที่จะหาเงินมาใช้ส่วนที่ค้าง และพยายามที่จะหาบ้านเช่าใหม่ แต่ก็ติดที่ค่ามัดจำบ้านอีก

นางปรีดารัตน์ กล่าวต่อว่า อยากขอให้หน่วยงานรัฐมาช่วยดูแลในเรื่องที่อยู่อาศัยให้มีบ้านอยู่ ตอนนี้นางกัลยาก็อายุเยอะ จะไปทำงานที่ไหนก็ลำบากและเป็นเสาหลักบ้านอีกด้วย ส่วนลูกชายคนโตพิการ มาช่วยเก็บกวาดในพื้นที่ กศน.นาโยง มีนายอุดมศักดิ์ ราชดี อา 59 ปี พนักงานพิมพ์ระดับ ส.4 กศน. อ.นาโยง จ่ายเงินส่วนตัวให้เดือนละ 600 บาท และมักช่วยนำข้าวสารอาหารไปช่วยเหลืออีกทาง

ด้านนางกัลยา ทิพย์สุวรรณ กล่าวว่า ตนมีลูกชาย 2 คน คนโตพิการ ส่วนคนเล็กทำงานรับจ้างทั่วไป ก่อนโควิด-19 ระบาดก็ออกไปทำงานที่อื่น มีคนจ้างงานเยอะ ได้เงินมาพอใช้จ่าย แต่พอช่วงหลังโควิด ไม่มีงานทำ ก็กลับบ้านมารับจ้างซ่อมรถจักรยานยนต์เครื่องใช้ไฟฟ้าบ้างเล็กๆ น้อยๆ ค่าใช้จ่ายก็ไม่พอ เพราะมีหลานชายอีก 3 คน อายุ 9 ปี 11 ปี และ 12 ปี ที่ต้องใช้ไปโรงเรียน ส่วนแม่ของเด็กเป็นภรรยาของลูกชายคนเล็ก ได้หนีไปแล้วทิ้งลูกไว้ให้เลี้ยง โดยไม่มีการติดต่อและหายไปเลย

นางกัลยา กล่าวอีกว่า ตนยังค้างค่าเช่าบ้านไว้อีก 2 เดือน เจ้าของบ้านเช่าก็ใจดีกับตนมาตลอด แต่จำเป็นที่จะต้องให้ตนย้ายออกภายในสิ้นเดือนนี้ ตนไปขอเจรจาและพยายามหาเงินมาคืนและหาที่อยู่ใหม่ แต่ทำขนมได้วันละ 100-200 บาท ตอนนี้มีการปวดหลัง แต่ก็ต้องทนทำงาน เพื่อหาเงินมาใช้ซื้อข้าวและให้หลานไปโรงเรียน โดยให้วันละ 20 บาท บางวันก็ไม่มีให้

นางกัลยา กล่าวต่อว่า ส่วนข้าวเย็นบางมื้อถ้าไม่มีเงินพอซื้อกับข้าวก็ต้องทนกินข้าวกับน้ำปลาไป นับตั้งแต่ที่สามีตนเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตนต้องมาเป็นเสาหลักให้ครอบครัว ตอนนี้เหนื่อยแต่ก็ต้องทนทำ โชคดีที่ได้สมาชิกกลุ่มทำขนมคอยซื้อข้าวสารอาหารหรือซื้อของใช้ให้เรื่อยๆ

สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัวของนางกัลยาทั้ง 6 ชีวิต สามารถอุดหนุนขนมไทยได้ที่ร้าน ตั้งอยู่ข้างเซเว่นอีเลฟเว่น สาขานาโยง หรือโทรติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 09-0217-9944 นางปรีดารัตน์ ชัยสงคราม อายุ 54 ปี ประธานกลุ่มขนมบ้านวัดกลาง หมู่ 5 บ้านวัดกลาง ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง