สุดตะลึง! พบโครงกระดูกชาวโรมัน 40 ร่าง ถูกตัดหัว สันนิษฐานอาจเป็นอาชญากร แถมขุดพบเหรียญ ลูกเต๋า และของใช้ คาดเป็นย่านการค้า

อินดิเพนเดนท์รายงาน ทีมนักโบราณคดี 50 คนค้นพบสุสานโรมันตอนปลายขนาดใหญ่ระหว่างการขุดค้นเส้นทางเชื่อมรถไฟความเร็วสูงที่ฟลีท มาร์สตัน ใกล้ไอเลสเบอรี เมืองบักกิงแฮมเชอร์ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ โดยมีโครงกระดูกชาวโรมันจำนวน 40 ร่างจากโครงกระดูก 425 ร่างถูกตัดศีรษะและวางกะโหลกไว้ระหว่างขาหรือข้างเท้า

นักโบราณคดีกล่าวว่า อาจเป็นไปได้ว่าโครงกระดูกที่ถูกตัดศีรษะนั้นเป็นอาชญากรหรือผู้ถูกขับไล่ พร้อมสันนิษฐานว่าการตัดศีรษะอาจเป็นพิธีฝังศพตามปกติ ถึงแม้ว่าจะมีเพียงเล็กน้อยในช่วงปลายยุคโรมัน ซึ่งนักวิจัยจะศึกษาโครงกระดูกที่ขุดขึ้นมานี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิถีชีวิต อาหาร และความเชื่อทางประวัติศาสตร์ของอารยธรรมโรมัน

ภาพจาก HS2

เฮเลน วาสส์ หัวหน้าฝ่ายมรดกของ HS2 Ltd กล่าวว่า “โครงการโบราณคดี HS2 ช่วยให้เราเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันยาวนานในสหราชอาณาจักร สุสานโรมันขนาดใหญ่จะช่วยให้เราได้รับข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับผู้อยู่อาศัยและภูมิทัศน์ของโรมันบริเตนที่กว้างขึ้น ซึ่งโครงกระดูกทั้งหมดที่ถูกเปิดเผยจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียรติ ความเอาใจใส่ และความเคารพ หลังจากการวิจัยแล้ว การค้นพบของเราจะถูกแบ่งปันกับชุมชน”

นอกจากนี้ ทีมนักโบราณคดียังค้นพบเหรียญกว่า 1,200 เหรียญ พร้อมด้วยน้ำหนักตะกั่วหลายตัวที่แสดงให้เห็นว่าอาจเป็นย่านการค้าและการพาณิชย์ ทั้งยังพบสิ่งของในบ้าน เช่น ช้อน เข็มหมุด และเข็มกลัด รวมทั้งลูกเต๋าและกระดิ่งเล่นเกม ซึ่งบ่งชี้ว่าการพนันและกิจกรรมทางศาสนาก็เกิดขึ้นที่นั่นเช่นกัน

ภาพจาก HS2/ PA

การขุดค้นนี้ดำเนินการมานานกว่าหนึ่งปีโดย Cotswold Archeology และ Oxford Archeology (Copa) ซึ่งทำงานในนามของผู้รับเหมา HS2 ริชาร์ด บราวน์ ผู้จัดการโครงการอาวุโสของ COPA กล่าวว่า “การขุดค้นครั้งนี้มีความสำคัญ ทั้งสามารถระบุลักษณะเฉพาะของอารยธรรมโรมัน รวมถึงศึกษาวิถีชีวิตผู้อยู่อาศัยจำนวนมากด้วย”

ฟลีท มาร์สตันเป็นหนึ่งในแหล่งโบราณคดีมากกว่า 100 แห่งที่ถูกค้นพบมาตั้งแต่ปี 2018 เนื่องจากมีการพัฒนาการก่อสร้างเส้นทางของทางรถไฟ HS2 ที่วิ่งจากลอนดอนไปยังเบอร์มิงแฮม ซึ่งนักโบราณคดีเผยรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับชีวิตในโรมันบริเตน เมื่อเกือบสองพันปีที่แล้วผ่านงานขุดค้นของพวกเขา

ขอบคุณที่มาจาก Independent Standard