รมว.สุชาติ ห่วงแรงงานไทยบาดเจ็บจากแรงระเบิดในฉนวนกาซา สั่งทูตแรงงานดูแลใกล้ชิด ด้าน ปลัดแรงงาน สั่ง แรงงานจังหวัดนำทีมเยี่ยมบ้าน
วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล – ปาเลสไตน์ จากการสู้รบในฉนวนกาซาว่า ผมมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าวถึงผลกระทบต่อแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในประเทศอิสราเอล จึงสั่งการให้ทูตแรงงานที่อิสราเอลเร่งตรวจสอบ
ล่าสุดผมได้รับแจ้งจาก นายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่าเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 19.00 น. ฝ่ายแรงงานฯ ได้รับแจ้งว่า นายประกอบสุข แสงใส อายุ 42 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา แรงงานไทยที่ไปทำงานภาคเกษตรในโมชาฟ ผ่านบริษัทจัดหางาน ได้รับผลกระทบจากการถูกโจมตีด้วยจรวด โดยกลุ่มเปเลสไตน์ อิสลามิค จีฮัด (PIJ) จากฉนวนกาซา โดยถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนและลำตัว ขณะกำลังกลับสู่ที่พัก
ขณะนี้แรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บได้เข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล Soroka แล้ว และจากรายงานยังพบว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ในวันนี้ ได้รับการยืนยันว่า อาการปลอดภัยและจะออกจากโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นผมได้ให้ทูตแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เข้าไปเยี่ยมติดตามอาการและดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ ซึ่งในส่วนของค่ารักษาพยาบาลทางประกันสังคมอิสราเอลจะรับผิดชอบทั้งหมด รวมถึงจ่ายชดเชยวันหยุด ทั้งนี้ หากไม่สามารถกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม สามารถฟ้องร้องเรียกเงินชดเชยเพิ่มเติมกับประกันสังคมได้ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลของกรมการจัดหางาน พบว่า นายประกอบสุข ยังเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศด้วย
ด้าน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการที่ประเทศไทย ในวันนี้ผมได้สั่งการให้แรงงานจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ภูมิลำเนาของแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บนำทีมหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ลงพื้นที่ไปเยี่ยมบ้านของนายประกอบสุข ซึ่งล่าสุดได้ไปพบกับ นางอ้อย แสงใส ภรรยา ที่อาศัยอยู่ที่บ้านพร้อมกับบุตรชายทั้ง 3 คน เพื่อให้กำลังใจ และแจ้งสิทธิประโยชน์การดูแลคุ้มครองตามกฎหมายแก่ครอบครัวและทายาททราบ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวอีกด้วย
ปลัดกระทรวงแรงงาน ยังได้เน้นย้ำสำหรับแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ขอให้ไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับการคุ้มครอง และสมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จะได้รับการดูแลสิทธิประโยชน์หากประสบอันตราย หรือประสบปัญหาเหมือนเช่นกรณีดังกล่าว ซึ่งสามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน