นครศรีธรรมราช สืบสานต่อเนื่อง 791 ปี พุทธศาสนิกชน หลั่งไหล นำผ้าขึ้นห่มองค์พระธาตุเจดีย์ เนื่องในวันมาฆบูชา ชาวพุทธเชื่อได้บุญยิ่งใหญ่
วันที่ 13 ก.พ.65 ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พุทธศาสนิกชนได้ร่วมพิธีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุ โดยบรรยากาศค่อนข้างคึกคัก แม้จะมีการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม
ทั้งนี้ พุทธศาสนิกชน นักท่องเที่ยว ได้ร่วมแห่ผ้าขึ้นธาตุ ในงานประเพณีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุ ส่วนใหญ่เดินทางมาเป็นครอบครัวและหมู่คณะ ซึ่งมีการร่วมกันนำผืนผ้าจีวรสีเหลืองเป็นม้วนที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้ ด้วยการทำบุญตามกำลังศรัทธา หรือผ้าที่พ่อค้าแม่ค้านำมาจำหน่ายเมตรละ 15-20 บาท
จากนั้นมีการนำมาคลี่ออกความยาวประมาณ 10-20 เมตร ถือเป็นแถวเดินเวียนรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ 3 รอบ แล้วนำไปพันรอบองค์เจดีย์ราย ที่อยู่รอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนต้องผ่านจุดคัดกรอง และสวมหน้ากากอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์
สำหรับประเพณีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุ จัดขึ้นในช่วงเทศกาลมาฆบูชาของทุกปี ถือเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของชาวนครฯและชาวใต้ โดยในแต่ละปีจะมีพุทธศาสนิกชนจากหลายพื้นที่เดินทางเข้ามายังวัดพระธาตุฯ เพื่อประกอบพิธีดังกล่าว
ถึงแม้ว่าปีนี้ทางจังหวัดนครฯ ได้มีการงดจัดกิจกรรมขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุในวันมาฆบูชา แต่ยังคงไว้ซึ่งประเพณีอื่นๆ แต่ยังมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเดินทางมาทำพิธีตามแบบท้องถิ่น โดยมีความเชื่อว่า การได้นำผ้าขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ในวันมาฆบูชา ถือเป็นการได้ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนาและได้บุญอันยิ่งใหญ่
ประเพณีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุ เป็นประเพณีสำคัญของชาวนครศรีธรรมราช ที่สืบสานต่อเนื่องมา 791 ปี จากตำนานที่เล่ากันว่าในปี พ.ศ.1773 ว่า พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ได้สมโภชพระบรมธาตุเจดีย์ และมีชาวเมืองอินทปัตย์
ซึ่งกำลังเดินทางไปนมัสการพระธาตุศรีลังกาถูกพายุพัดจนเรือแตก มีผู้รอดชีวิตราว 10 คน มาขึ้นฝั่งที่เมืองปากพนัง พร้อมผ้าขาวผืนยาวมีภาพพุทธประวัติเขียนไว้ที่ผ้า เรียกว่า “ผ้าพระบฏ”
ชาวเมืองปากพนังจึงนำไปถวายพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช และให้นำผ้าดังกล่าวขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีนั้น และตั้งแต่นั้นมาจึงได้ปฏิบัติต่อเนื่องจนกลายเป็นประเพณีสืบมาจนถึงปัจจุบัน