กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ เริ่มต้นฤดูฝน ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป ต้นฤดูจะมีฝนตกต่อเนื่อง ในช่วงปลายเดือนนี้ไปจนถึงเดือนมิถุนายน

สำหรับการพยากรณ์ ระบุว่า ปีนี้ ฝนจะน้อยกว่าปีที่แล้ว และน้อยกว่าค่าเฉลี่ย และประมาณกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม จะเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง โดยช่วงปลายฤดู เดือนสิงหาคมถึงกันยายน จะเป็นช่วงที่ฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด ปีนี้ คาดว่าจะมีพายุเคลื่อนผ่านบริเวณภาคเหนือและอีสาน 1-2 ลูก ในช่วงปลายฤดูฝน และฤดูฝนจะไปสิ้นสุดประมาณกลางเดือนตุลาคม

สำหรับปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะเกิดขึ้นจะทำให้เกิดภัยแล้งหลังฤดูฝน สภาพอากาศร้อนขึ้น และมีฝนตกน้อย ประชาชนในพื้นที่แล้ง ต้องควรจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำไว้ใช้อุปโภคบริโภคให้เพียงพอ

จากการเตือนให้รับมือภาวะฝนแล้ง และปีนี้ เข้าสู่ฤดูฝนล่าช้าด้วย นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสิรฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ ประเมินสถานการณ์น้ำต้นทุน ปริมาณการกักเก็บน้ำทั่วประเทศ ในอ่างเก็บน้ำ และเขื่อนต่าง ๆ มีกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 20,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ภาคกลางมีปริมาณการกักเก็บน้ำน้อยที่สุด 20 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จึงเร่งเสนอแผนมาตรการบริหารจัดการน้ำ 12 มาตรการ เน้นการกักเก็บน้ำฝน เพื่อให้ภาพรวมของประเทศ ได้มีน้ำกินน้ำใช้เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูฝน 3 เดือน คือในช่วงเดือนนี้ ไปจนถึงเดือนกรกฎาคม กว่าที่ฝนจะตกชุกในช่วงเดือนสิงหาคม

และปีนี้ไทย จะเผชิญปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้ฝนตกน้อย โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม ที่ฝนจะทิ้งช่วง ต้องระวังสถานการณ์ภัยแล้งที่จะกระทบกับพื้นที่การเพาะปลูก โดยเฉพาะพื้นที่แล้งซ้ำซาก และพื้นที่นอกเขตชลประทาน