สาวเปิดใจ เจ้าของร้าน-การ์ด ย่านข้าวสาร รุมกระทืบน่วม วิ่งไปหาตำรวจเมินไม่ช่วย ลั่นไม่ขอไกล่เกลี่ยที่สน. จะเรียกค่าเสียหายให้ถึงที่สุด
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. 2565 น.ส.สมสาย เหิมฮึก ผู้เสียหาย เปิดใจกับ “ข่าวสดออนไลน์” หลังจากไปดื่มที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านข้าวสาร แล้วถูกกลุ่มเจ้าของร้านและการ์ดเกือบ 10 คน รุมทำร้าย เมื่อวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สน.ชนะสงคราม กลับถูกเมินเฉยไม่สนใจ
น.ส.สมสาย กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 04.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ตนและรุ่นน้องอีก 2 คน มาเที่ยวที่สถานบันเทิงย่านข้าวสารร้านแรกปิดแล้ว ตนจึงมาต่อร้านที่สอง ซึ่งรุ่นน้องของตนได้พกแคปซูลแก๊สหัวเราะไปด้วย แต่ลูกสะใภ้เจ้าของร้านเห็น จึงให้พนักงานมาเรียกรุ่นน้องของตนออกไป แล้วบอกว่าทางร้านไม่อนุญาตให้เอาเข้า พร้อมบอกว่าทางร้านมีขาย แต่ถ้าหากจะเอาเข้าต้องเสีย 300 บาท ซึ่งรุ่นน้องก็จ่ายไปแล้ว
น.ส.สมสาย กล่าวต่อว่า ตนมาเห็นจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทางลูกสะใภ้เจ้าของร้านก็อธิบายมา ตนจึงตอบกลับไปว่า ทำไมจะต้องเสียเงินด้วย ระหว่างนั้นตนกับลูกสะใภ้เจ้าของร้านก็เถียงกัน ตนยอมรับว่าเมาจึงได้เถียงต่อ ทางลูกสะใภ้เจ้าของร้านก็เอามือมาจิ้มหน้าแล้วบอกว่า “ทำไม มึงจะทำไม” ตนเลยปัดออก
น.ส.สมสาย กล่าวอีกว่า จากนั้นลูกสะใภ้เจ้าของร้านได้กระชากหัวตน ตนเลยกระโดดถีบ แต่กระโดดไม่ถึง เพราะมีการ์ดของร้านเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นลูกชายเจ้าของร้านที่เป็นแฟนของผู้หญิงคนดังกล่าว ก็กดตนให้นอนกับพื้นแล้วเอาเท้าเหยียบหัว เตะเข้าที่ใบหน้า และเหยียบที่หลัง จากนั้นการ์ดและทุกคนก็รุมตนที่นอนขดอยู่กับพื้น ตอนนั้นกลุ่มที่มากับตน และคนที่อยู่ในร้านก็มาช่วยแยกและมาห้าม พร้อมบอกว่า “อย่าไปทำเขา เขาเป็นผู้หญิง”
“ตอนนั้นเราได้ยินเสียงคนห้ามหมด แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เราพยายามคลานออกมาแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองก่อนที่จะวิ่งตรงไปที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านประมาณ 600 เมตร เมื่อไปถึงก็ร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจ บอกว่าถูกกระทืบ ช่วยหนูหน่อย ร้านนี้กระทืบหนู แต่ในช่วงเวลานั้นตำรวจเพิกเฉย ไม่สนใจ ทำเหมือนเราเป็นอากาศ ทั้งที่สภาพของเราตอนนั้นยับเยินและใบหน้าเปื้อนเลือด ตำรวจก็ไม่รับเรื่อง ไม่ไปที่เกิดเหตุเลย ไม่ได้มาถามไถ่ ไม่พยายามจะช่วยเหลือ หรือเรียกรถพยาบาลให้”
น.ส.สมสาย กล่าวต่อว่า ตนจึงตัดสินใจเรียก 191 แล้วกลับไปที่ร้านที่เกิดเหตุ ประมาณ 6 โมงเช้า ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุ และได้เจอหน้ากับคู่กรณีของตน ตนจึงชี้เป้าให้ตำรวจว่าสองสามีภรรยาคู่นี้เป็นคนทำร้ายตน แต่ตำรวจไม่ได้สนใจ และปล่อยให้พวกเขาขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ระหว่างนั้นยังหยุดคุยกับตำรวจพักนึงก่อนจะโบกมือบ๊ายบายกัน แล้วขับออกไปเลย ตนจึงตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจถึงไม่สนใจตนที่เป็นผู้เสียหายเลย แต่กลับไปสนใจคู่กรณีมากกว่า
น.ส.สมสาย กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นตนไปที่ สน.ชนะสงคราม อีกครั้ง เพื่อจะแจ้งความเอาผิด ตนตัดสินใจโทรหาผู้กำกับสน.ชนะสงคราม ตามเบอร์ที่ติดไว้ ซึ่งทางผู้กำกับบอกให้ตำรวจรับเรื่อง ตนจึงแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย จากนั้นช่วงเช้าของวันนี้ตนก็ได้นำเรื่องนี้ยื่นต่อกระทรวงยุติธรรมแล้ว หลังจากนี้ถ้าจะไกล่เกลี่ยตนขอไม่ไกล่เกลี่ยที่ สน.ชนะสงคราม แต่ไปไกล่เกลี่ยที่กระทรวงยุติธรรมแทน และตนจะเรียกร้องค่าเสียหายให้ถึงที่สุด มองว่าผู้ชายรุมผู้หญิงเป็นสิ่งที่โหดร้ายเกินไป หากเมาแล้วมีปากเสียงกันก็ควรจะเชิญออกร้าน ไม่ใช่มาทำร้ายกันแบบนี้
น.ส.สมสาย กล่าวต่อว่า ตนติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเมาจริง แต่มองว่าจากสภาพของผู้หญิงคนนึงที่สะบักสะบอมวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจเพราะถูกรุม แต่ตำรวจกลับไม่สนใจและเพิกเฉยนั้น ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ในช่วงเวลานั้น ก็ควรจะช่วยเหลือกันก่อน อยากฝากตำรวจตรวจสอบด้วยว่าสถานบันเทิงดังกล่าวนั้น เปิดเกินเวลา แบบนี้ถือว่ามีความผิดหรือไม่