สาววัย 19 ป่วยไบโพลาร์ถูกแม่ทิ้งไว้ รพ.จิตเวช คลั่งหลังเห็นแม่มาวนเวียนแถวบ้าน ถือมีดไล่ฟันป้า-ยาย ตำรวจก็เกือบไม่รอด
(2 เม.ย.64) ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีหญิงสาวคลุ้มคลั่งถือมีดไล่ทำร้ายป้า และยายของตัวเอง ที่บริเวณชุมชนหลักเมืองในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจทำการตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงได้นำอุปกรณ์ทั้งโล่ และไม้ง่าม ไปยังจุดเกิดเหตุตามที่ได้รับแจ้งก็พบ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ถือมีดปังตอวิ่งอยู่บริเวณซอยข้างหอสมุดใกล้กับคลองละลมโบราณ เจ้าหน้าที่ก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้วางมีดแต่หญิงสาวคนดังกล่าวกลับร้องตะโกนโวยวาย และแกว่งมีดไปมาสร้างความตื่นตกใจให้กับชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เพราะกลัวจะถูกทำร้าย เนื่องจากหญิงคนดังกล่าวมีอาการคลุ้มคลั่งคล้ายกับเสียสติไปแล้ว
เจ้าหน้าที่เห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินเข้าใช้โล่และไม้ง่ามเข้าชาร์จตัว ซึ่งหญิงคนดังกล่าวก็ยังดิ้นต่อสู้ขัดขืน และพยายามใช้มีดฟันโล่ตำรวจด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงจึงสามารถล็อกตัวหญิงคนดังกล่าวได้แบบทุลักทุเล แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย จากนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลมารับตัวเพื่อไปดูแลรักษา
จากการสอบถาม น.ส.นุช อายุ 45 ปี ป้าของ น.ส.เอ บอกว่า หลานป่วยเป็นสมาธิสั้นและไบโพลาร์มาหลายปีแล้ว พาไปรักษาและรับยามากินตลอดแต่บางครั้งก็จะมีอาการคลุ้มคลั่งชอบโวยวายและพยายามทำร้ายทำร้ายคนอื่น เมื่อ 4 เดือนก่อนแม่ของหลานได้ทิ้งไว้ที่ รพ.จิตเวช จ.นครราชสีมา เมื่ออาการดีขึ้นทางโรงพยาบาลก็ประสานให้ญาติไปรับ แต่ผู้เป็นแม่ไม่ยอมไปรับ ตนเองซึ่งเป็นป้าแท้ๆ และยายก็ต้องไปรับหลานมาเลี้ยงที่บ้าน
โดยปัจจุบันได้อาศัยอยู่กับยายวัย 72 ปี ส่วนตนเองก็ต้องไปทำงานที่ ต.บ้านยาง แต่บางวันก็ต้องมานอนเป็นเพื่อนยายเพราะกลัวเวลาที่หลานคลุ้มคลั่งจะทำร้ายยาย เพราะยายอายุมากแล้วคงไม่มีแรงสู้หลานสาวได้ ซึ่งล่าสุดก่อนที่หลานจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งถือไล่ฟันขู่จำทำร้ายตนเองกับยายครั้งนี้ เนื่องจากหลานเห็นแม่มาวนเวียนอยู่แถวๆ บ้าน จึงเก็บเสื้อผ้าบอกว่าจะไปอยู่กับแม่ พอตนบอกว่าแม่เขาไปแล้วเท่านั้นแหละ หลานก็โวยวาย แล้วไปรื้อค้นเอามีดในบ้านออกมาไล่ฟันขู่จะฆ่าตนเองและยาย ชาวบ้านที่เห็นจึงแจ้งตำรวจให้มาช่วยเหลือ
น.ส.นุช ยังบอกอีกว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางช่วยเหลือ พาหลานไปอยู่ในความดูแลของมูลนิธิ หรือสถานสงเคราะห์ที่สามารถดูแลได้ เพราะกลัวว่าหากปล่อยออกมาจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งอาจจะทำร้ายยายหรือคนอื่น ประกอบกับยายก็ไม่มีรายได้อะไรมีเพียงเบี้ยผู้สูงอายุ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลำพังจะกินอยู่ก็ไม่พออยู่แล้ว ส่วนตัวเองก็ป่วยต้องไปหาหมอประจำเหมือนกัน