สาวผู้ช่วยสัตวแพทย์ ขอความเป็นธรรม แพ้ท้อง-ลางานไปฝากครรภ์ กลับถูกนายจ้างไล่ออกจาก รพ.สัตว์
จากกรณี นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้งได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.เพ็ญพิไล อายุ 28 ปี อาชีพผู้ช่วยสัตวแพทย์ ถูกนายจ้างไล่ออกจากโรงพยายาลสัตว์แห่งหนึ่งย่านท่าอิฐ ต.บางรักน้อย อ.เมืองนนทบุรี หลังจากลางานไปฝากครรภ์วันที่ 6 ก.ย.64 เนื่องจากมีอาการแพ้ท้อง แต่โดนใบเตือนจากที่ทำงานส่งมาในวันที่ 13 ก.ย.64 และถูกนายจ้างส่งใบไล่ออกให้ในวันที่ 14 ก.ย 64 จึงเดินทางมาพบทนายโป้งเพื่อขอความเป็นธรรม
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 16 กันยายน 2564 นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง พร้อมด้วย น.ส.เพ็ญพิไล อายุ 28 ปี อาชีพผู้ช่วยสัตวแพทย์ นำหลักฐาน จดหมายเลิกจ้าง บันทึกประจำวัน และเอกสารต่างๆที่สำนักงานแรงงาน สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนนทบุรีเพื่อร้องขอความช่วยเหลือหลังจากถูก นายจ้างไล่ออกจากงาน
น.ส.เพ็ญพิไล กล่าวว่าวันนี้มายื่นเรื่องกรมแรงงานให้กรมแรงงานตรวจสอบนายจ้างตรวจสอบความยุติธรรมโดยนำเอกสารบันทึกประจำวัน กฎหมายเลิกจ้างของนายจ้าง เพื่อมาขอความยุติธรรมจากกรมแรงงานเนื่องจากนายจ้างมีเส้นมีสายเยอะพอสมควรตนตัวคนเดียวกับลูก จะสู้เพื่อความเป็นธรรม ทางนายจ้างท้าว่าให้มาจ้างที่กรมแรงงานตนจึงมาแจ้งตามที่นายจ้างบอก ทางนายจ้างได้ข่มขู่ว่าถ้าเกิดเข้าไปที่ทำงานจะแจ้งตำรวจจับ ข้อหาบุกรุก ต้นเป็นพนักงานประจำทำงานเกิน 120 วัน ตามกฎหมายกำหนด ตอนนี้ตอนเดือดร้อนมาก ว่างงานทั้งที่มีลูกอยู่ในครรภ์จะทำงานที่ไหนก็ลำบาก ทำงานหนักไม่ได้ อยากฝากให้เคสของตนให้เป็นเคสตัวอย่าง จะทำให้ผู้หญิงทุกคนดูว่าคนท้องที่ถูกนายจ้างไล่ออกทุกคนสู้ได้
ระหว่างทำงานตนไม่ได้มีปัญหากับนายจ้า งทุกครั้งถ้าขาดงานจะแจ้งนายจ้างล่วงหน้าตลอดยกเว้นพี่ไม่สบายกะทันหัน ทุกครั้งจะมีใบรับรองแพทย์มาให้ ส่วนวันที่เกิดเหตุเป็นวันที่แพ้ท้องเดินทางไปที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ในจังหวัดนนทบุรีโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์มีคนติดเชื้อโควิดเยอะ ตนเลยเดินทางไปที่กรุงเทพฯ เพราะคนน้อย แต่เรากลับถูกติดตาม ก็รู้สึกว่าไม่โอเคเป็นการละเมิดเราเกินไป ตนมีภาพอัลตร้าซาวด์จากโรงพยาบาล ตั้งแต่ฝากครรภ์เสร็จ และได้รูปมารีบส่งให้นายจ้างดูว่าเรามีรูปและเอกสารยืนยันเป็นใบเสร็จรับเงิน ซึ่งเราบริสุทธิ์ใจส่งให้นายจ้างทุกอย่าง จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับตนและลูก
ทนายโป้ง กล่าวว่า ตอนนี้ ได้เดินทางยื่นเรื่องให้กับทางแรงงานจังหวัดเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะมีพนักงานตรวจแรงงานเพื่อรวบรวมคำให้การ และมีหนังสือแจ้งไปทางนายจ้าง ให้นายจ้างได้รับทราบตามที่ผู้เสียหายกล่าวหานายจ้างตามความผิดตามมาตรา 43 เพื่อจะให้มีการลงโทษตามมาตรา 144 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน 2541 ซึ่งหลังจากนี้พนักงานแรงงาน จังหวัดนนทบุรีจะมีหนังสือแจ้งไปยังนายจ้างให้นายจ้างมาชี้แจง หากชี้แจงแล้วฟังไม่ขึ้นก็จะมีการดำเนินคดีโดยนิติกรของแรงงานนนทบุรี จะไปแจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายจ้างต่อไป โดยมีความผิดตามมาตรา 144 คือมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
เบื้องต้นทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ช่วยเหลือมอบเงินสงเคราะห์กรณีฉุกเฉินและถุงยังชีพให้กับ น.ส.เพ็ญพิไล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน