สารวัตรต้น – นายกสมาคมกีฬารักบี้ฯ ยกมือหนุนแนวนโยบายน.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ของพรรคไทยสร้างไทยเดินหน้านโยบายกีฬาของกรุงเทพมหานคร ทั้งการเตรียมดันกทม.เป็น “สปอร์ตซิตี้”
“บิ๊กต้น” พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นายกสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ด้านกีฬา ของพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พรรคไทยสร้างไทย ร่วมแถลงเปิดตัวนโยบายสนับสนุนด้านการกีฬาในกรุงเทพมหานคร ที่สนามฟุตบอลซอคเกอร์โปร บางนา เมื่อวันที่ 21 เม.ย.65
ทั้งนี้ ภายในงานยังมีนักกีฬาทีมชาติไทยทั้งอดีตและปัจจุบัน ร่วมงานและรับฟังแนวนโยบาย อาทิ “เจมส์บอนด์” ณัฐพงษ์ เกตุอินทร์ อดีตนักว่ายน้ำทีมชาติไทย ปัจจุบันเป็นผู้ฝึกสอนสโมสรว่ายน้ำ เอโอต้า (AOTA), ทรงพล ทัศนสมบูรณ์ มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ สมุทรปราการ เอฟซี, ณัฐศรัณย์ ทองคำ อดีตทีมชาติและผู้ฝึกสอนลีลาศทีมชาติชุดปัจจุบัน และนักฟุตบอลเยาวชนจาก AM ACADEMY BANGNA ร่วมรับฟัง
น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พรรคไทยสร้างไทย เผยว่า ปัจจุบันคนไทยให้ความสนใจมาออกกำลังกายมากขึ้น แต่ดูเหมือนการสนับสนุนและส่งเสริมในด้านการกีฬาให้คนกทม.รวมถึงคนไทย ดูจะยังมีอย่างไม่มากพอและทั่วถึง สำหรับตนมีแผนและนโยบายในการสนับสนุนด้านกีฬาในกรุงเทพมหานคร โดย “การกีฬา” ถือเป็นกิจกรรมที่อยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน แล้วไม่ว่าใครก็ตามจะใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี หรือ บางครั้งกีฬาก็ยังเป็นสื่อของคำว่ามิตรภาพ และยังส่งเสริมให้รู้จักความสามัคคี เห็นได้จากเวลาที่มีการแข่งขันทั้ง ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ หรือ โอลิมปิก คนไทยก็จะหันหน้าเข้าหากัน รวมใจเป็นหนึ่ง เพียงส่งเสียงเชียร์ให้กับบรรดานักกีฬาทีมชาติไทย
ฉะนั้น “กีฬา” จึงมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีของคนไทย ไม่เพียงแค่นั้น “กีฬา” ยังสามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประเทศชาติ เพราะฉะนั้นนโยบายของกรุงเทพมหานคร จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสอดคล้องและสนับสนุนกับการพัฒนากิจกรรมทางด้านการกีฬา ไม่ว่าจะเป็นการมีพื้นที่สาธารณะของประชาชนและชุมชนที่มีความครอบคลุม ทั่วถึงอย่างเท่าเทียมและสะดวกต่อการเข้าถึงประชาชนซึ่งจะสามารถมาทำกิจกรรมด้านการกีฬา การสนับสนุนด้านงบประมาณ การจัดตั้งกองทุนพัฒนากีฬาหรือ การขอความร่วมมือจากภาคเอกชนเพื่อสนับสนุการพัฒนากิจกรรมต่างๆ
น.ต. ศิธา เผยอีกว่า สำหรับตัวของตนเอง มีแผนและแนวนโยบายที่จะพัฒนาด้านการกีฬา อยู่ 5 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรก คือ จะเป็นสื่อกลางในการขอความร่วมมือจากภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนและยกระดับให้กรุงเทพมหานคร กลับมาเป็น Regional Hub หรือศูนย์กลางในการจัดมหกรรมกีฬานานาชาติ และ กีฬาระดับโลก เพื่อให้กรุงเทพได้เข้าเป็น 1 ใน “สปอร์ตซิตี้” ของเมืองไทย เพื่อจะสามารถสร้างรายได้ อันจะทำให้เกิดประโยชน์ แก่ชุมชนและประชาชนในกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มการจ้างงาน การเพิ่มรายได้แก่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) อีกทั้งยังส่งผลดีต่อการฟื้นฟู การท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจาก การแพร่ระบาดของโควิด 19 ให้กลับมาแข็งแกร่งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการใช้พื้นที่ต่างๆ และหน่วยงานที่ได้ผลประโยชน์จากกทม. ให้เกิดประโยชน์สร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชน
“2.พร้อมสนับสนุนเยาวชนที่อยู่ในสโมสรกีฬา หรือ อะคาเดมี่ ภายในกรุงเทพมหานคร โดยจะมีการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง ในการพาบุตรหลานไปเล่นกีฬาในสโมสรกีฬา หรือ อะคาเดมี่ เพื่อต้องการที่จะช่วยเหลือนักกีฬาที่มีพรสวรรค์แต่ขาดกำลังทรัพย์ที่จะไปต่อในทางด้านกีฬา นอกจากนี้จะให้การสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมนันทนาการให้กับผู้สูงอายุ กับ คนพิการ ในกรุงเทพมหานคร”
“3.เพิ่มพื้นที่สาธารณะของประชาชนเพื่อการออกกำลังและทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะสนามกีฬา โรงยิม หรือ อาคารกีฬา ที่เป็นของกรุงเทพมหานคร อาทิ สนามไทยญี่ปุ่นดินแดง, อาคารกีฬาเวศ, สนามบางกอกอารีน่า ที่จะต้องปรับปรุงให้สมบูรณ์พร้อมต่อการจัดการแข่งขันกีฬา และในยามที่ไม่มีการแข่งขันกีฬา ประชาชนจะต้องสามารถเข้าไปใช้บริการได้ รวมไปถึงการจัดหาอุปกรณ์กีฬาที่มีคุณภาพให้ทุกคนได้ใช้กัน
“4.จะต้องพัฒนาโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ให้มีประสิทธิภาพและสร้างนักกีฬาที่จบจากสถาบันนี้ให้ติดทีมชาติไทยให้ได้มากที่สุด และพร้อมที่จะส่งเสริมนักกีฬาจากโรงเรียนกีฬากรุงเทพที่มีความสามารถไปสู่ระดับอุดมศึกษา”
“5.พร้อมที่จะปรับปรุงลานกีฬาที่รกร้าง ตามพื้นที่ชุมชน หรือ หมู่บ้าน ในกรุงเทพมหานคร ให้กลับมาสวยงามและพร้อมต่อการออกกำลังกายของประชาชนในพื้นที่ รวมไปถึงติดตั้งเครื่องออกกำลังกายที่มีคุณภาพ และที่สำคัญในการหาพื้นที่ทำสนามเด็กเล่นพร้อมเครื่องเล่นที่ปลอดภัย ให้ควบคู่กับพื้นที่ลานกีฬาและออกกำลังกาย”
ด้าน พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นายกสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานยุทธศาสตร์ด้านกีฬา ของพรรคไทยสร้างไทย เผยว่า ตนอยากเห็น เยาวชน ประชาชน ประชาชน เข้าถึงการเล่นกีฬาและออกกำลังกายอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง รวมถึงอยากให้การสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาและยกระดับวงการกีฬาไทย ตั้งแต่การสร้างนักกีฬาระดับเยาวชนเพื่อวางรากฐานให้วงการกีฬาไทย ต่อเนื่องไปจนถึงการสนับสนุนให้กทม.และประเทศไทย ได้มีโอกาสเป็นเมืองศูนย์กลางในการจัดกีฬารายการใหญ่ๆและระดับนานาชาติ