“สว.วันชัย” อัด สร้างปรองดองไม่คืบหน้า รัฐบาลสลายขั้ว แค่สลายความขัดแย้งของกลุ่มผู้มีอำนาจ ไม่ได้มองถึงความขัดแย้งจริงๆ ซัดบางพวกได้รับการนิรโทษกรรม เป็นธรรมแล้วหรือไม่
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้ความเห็นเรื่องนโยบายสร้างความปรองดองของรัฐบาล โดยเห็นว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องของการสร้างความปรองดอง และยังไม่เห็นว่ามีอะไรที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ทั้งที่รัฐบาลนี้ประกาศว่าเป็นรัฐบาลสลายขั้ว สลายสี สลายความขัดแย้ง แท้ที่จริงแล้วเป็นการสลายความขัดแย้งของกลุ่มผู้มีอำนาจเท่านั้นเอง แปลว่าผู้มีอำนาจและพรรคการเมืองต่างๆ สลายความขัดแย้ง แล้วไปมีอำนาจร่วมกัน ซึ่งเท่ากับแปลว่ามีอำนาจทางการเมืองแล้ว แต่ว่าเป็นวาทกรรมทางการเมืองเพื่ออำนาจเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ไม่ได้มองถึงความขัดแย้งจริงๆ ของบุคคลในประเทศนี้ ทั้งที่คนที่มีอำนาจในขณะนี้ที่เป็นรัฐบาลเป็นรัฐมนตรีมาจากความเจ็บความตายความพิการความพลัดพรากของคนต่างๆ ที่ต่อสู้กันมาเกือบ 20 ปีไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลืองเสื้อแดง นปช. กปปส. หรือคนกลุ่มอื่นใด พี่มีความเห็นทางการเมืองที่ต่างกัน แล้วต่อสู้กันจนบาดเจ็บ ล้มตายต่างๆโดยเป็นบุคคลที่ไม่ได้มีความคิดร้ายหรือมีเรื่องส่วนตัว แต่ต้องมารับเวรกรรม
ขณะที่บางพวกได้รับการนิรโทษกรรม ซึ่งอยากถามว่าเป็นธรรมแล้วหรือไม่ แต่เท่าที่ฟังกระแสเสียงเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรจริงจัง เพราะเกรงว่าจะกระทบกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ และเกรงว่าอำนาจของตัวเองจะสั่นคลอน เมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้าน ละเอียดกระสืออยากจะแก้ ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม อภัยโทษให้กลุ่มต่างๆ แต่วันนี้เป็นรัฐบาลแล้วกลับเงียบ
นายวันชัย กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ตนเห็นแกนนำกลุ่มต่างๆ เดินขึ้นศาล เข้าเรือนจำ ถูกพิพากษา บางคนถูกพิทักษ์ทรัพย์ขั้นเด็ดขาด เห็นว่าน่าอเน็จอนาถมากที่สุด และน่าเห็นใจ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องว่า หากจบความขัดแย้งได้ควรจบ เลิกได้ควรเลิก เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่คนไม่ดี แต่คนที่ก้าวเข้ามามีอำนาจแล้วอยู่เฉย ตนเห็นว่าแย่มาก ควรต้องแสดงความจริงใจ ประกาศให้ชัดว่าจะทำอะไรหรือไม่ และทำเมื่อไหร่ ไม่ใช่บอกแค่ก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นรัฐบาลสลายขั้ว สลายสี เห็นว่าน่าอับอาย
นายวันชัย ยังย้ำว่า ในกระบวนการประชาธิปไตย กฎหมายคือทางออก และเป็นเหตุของการสร้างความปรองดอง และทำให้ตกผลึกในการถกแถลงกัน ว่าควรทำอะไรมากน้อยแค่ไหนโดยใช้เวทีสภาเป็นเรื่องดีที่สุด หรือหากต้องการความรวดเร็ว ก็เห็นว่าการออกพระราชกำหนดก็เป็นวิถีทางหนึ่ง แต่ถ้าอยากให้รอบคอบเห็นเพราะต้องการก็ออกเป็นพระราชบัญญัติโดยทำให้เร็วได้ และเป็นหนทางที่ดีที่สุด แต่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลขยับตัวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่ฝ่ายค้านขยับแล้ว แต่รัฐบาลยังอ้างเหตุต่างๆ ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจ
ส่วนกรณีพรรคก้าวไกลยื่นร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมซึ่งหมายรวมเรื่องของคนกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยนั้น นายวันชัย กล่าวว่า ให้ใช้เวทีของสภาเป็นที่ถกแถลงว่าให้นิรโทษกรรมโดยรวมความผิดมาตรา 112 หรือไม่ และรวมความผิดฐานก่อการรัฐประหารหรือไม่ ซึ่งกรณีการทำรัฐประหารก็ได้นิรโทษกรรมไปแล้ว และรัฐบาลไม่ควรลอยไปลอยมา แล้วอ้างโน่นนี่ สงสัยว่ารัฐบาลเกรงจะกระทบกับอำนาจของตนเองหรือไม่ หากไม่กลัวก็ควรเดินหน้าอย่าปล่อยให้ผู้ได้รับผลกระทบเจ็บปวดเช่นนี้ ทั้งนี้เห็นว่าคนที่ไม่ทำเรื่องนี้ถือว่าใจดำเกินไป และเมื่อกฎหมายพิจารณามาถึงชั้นวุฒิสภาก็จะพิจารณาด้วยความรอบคอบ เหตุการณ์ต่างๆ ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว ควรจะอภัยต่อกัน และจบกันได้ ทั้งยังเชื่อว่าวุฒิสภาคงไม่มีปัญหา เพราะได้ประโยชน์ทุกกลุ่ม เวลานี้ทุกสีก็มาเป็นรัฐบาลร่วมกัน จึงไม่มีเหตุใดที่สภาต้องมาขัดแย้งกัน
นายวันชัย ยังเผยว่า ในที่ประชุมวุฒิสภาวันนี้ได้เสนอแนวทางการสร้างความปรองดอง โดยพูดในภาพรวมว่าความขัดแย้งเกิดจากอะไร จะแก้ปัญหาอย่างไร และควรมีมาตรการอย่างไรในอนาคต ซึ่งเป็นภาพกว้าง และไม่ได้พูดถึงกฎหมายนิรโทษกรรมที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด ทั้งนี้ เชื่อว่า การเสนอกฎหมายดังกล่าวจะไม่ลามปามจนเป็นวิกฤตของบ้านเมือง แม้กระทั่งเหตุการณ์ในอิสราเอลยังยอมลงทุนเพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ปลอดภัย ดังนั้น ต่อเหตุการณ์ในประเทศก็ควรต้องลงทุนในการช่วยเหลือเยียวยาและออกกฎหมายเพื่อให้เกิดความปรองดอง เพราะถือเป็นภัยทางการเมือง แต่กลับผลัดวันประกันพรุ่ง มองว่าถึงเวลาประนอมอำนาจและปรองดองกันได้แล้ว ซึ่งตอนนี้เป็นวันเวลาที่เหมาะสมที่รัฐบาลชุดนี้ควรต้องทำที่สุด
นายวันชัย ยังเผยว่า ในที่ประชุมวุฒิสภาวันนี้ได้เสนอแนวทางการสร้างความปรองดอง โดยพูดในภาพรวมว่าความขัดแย้งเกิดจากอะไร จะแก้ปัญหาอย่างไร และควรมีมาตรการอย่างไรในอนาคต ซึ่งเป็นภาพกว้าง และไม่ได้พูดถึงกฎหมายนิรโทษกรรมที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด ทั้งนี้ เชื่อว่า การเสนอกฎหมายดังกล่าวจะไม่ลามปามจนเป็นวิกฤตของบ้านเมือง แม้กระทั่งเหตุการณ์ในอิสราเอลยังยอมลงทุนเพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ปลอดภัย ดังนั้น ต่อเหตุการณ์ในประเทศก็ควรต้องลงทุนในการช่วยเหลือเยียวยาและออกกฎหมายเพื่อให้เกิดความปรองดอง เพราะถือเป็นภัยทางการเมือง แต่กลับผลัดวันประกันพรุ่ง มองว่าถึงเวลาประนอมอำนาจและปรองดองกันได้แล้ว ซึ่งตอนนี้เป็นวันเวลาที่เหมาะสมที่รัฐบาลชุดนี้ควรต้องทำที่สุด
นายวันชัย ยังมองว่า กรณีอดีตแกนนำพันธมิตรถูกพิทักษ์ทรัพย์ ถือเป็นการกระทำที่โหดร้าย วันนั้นเห็นเขาเป็นนักต่อสู้ วันนี้เป็นซากศพ ล้มละลาย แต่รัฐบาลไม่ทำอะไรโดยอ้างว่ายังพิจารณาอยู่ ก็อยากถามว่าจะให้เกิดการรัฐประหารก่อนแล้วค่อยมาคิดกันหรืออย่างไร เวลาที่รัฐบาลได้เข้ามาทำงานเป็นเดือนแล้ว ควรจะต้องมาคิดเรื่องเหล่านี้กัน