สว.ประภาศรี คิดไม่ตก ถามความเห็นประชาชนก่อนโหวต “เศรษฐา” ควรเลือกหลักการหรือความรู้สึก
นางประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งเป็น 1 ในสว. ที่เห็นชอบให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ได้โพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก Prapasri Suchantabutr ระบุว่า
#หลักการ กับ #ความรู้สึก เราจะเลือกอะไรดี
วันที่ 22 ส.ค. 2566 จะเป็นวันที่สำคัญมาก
คือวันเลือกนายกรัฐมนตรี ดิฉันมีข้อปรึกษาหารือประชาชนของดิฉัน สองเรื่องค่ะ
1.ในระบอบประชาธิปไตยเราต้องเลือกเสียงข้างมากใช่ไหมคะ คราวที่เเล้วดิฉันเลือกคุณพิธาเพราะได้เสียงข้างมากมา เป็นมารยาทที่พรรคการเมืองต่างๆต้องให้พรรคเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เพราะรวมเสียงข้างมากที่ได้มา8 พรรคเเล้ว เเต่ยังต้องการ เสียงจากสมาชิกวุฒิสภาอีก 64 เสียงซึ่งตามรัฐธรรมนูญต้องให้ได้ 375 เสียง เเต่ไม่สามารถรวมเสียงได้ครบ
พรรคก้าวไกลจึงส่งผ่านการจัดตั้งรัฐบาลมา ให้พรรคเพื่อไทย ขณะนี้พรรคเพื่อไทยรวมเสียงจากหลายพรรคซึ่งได้เป็นเสียงข้างมากเเล้ว เเละหาเสียงจาก สว.อีกไม่มาก ก็สามารถตั้งรัฐบาลได้ เเละส่ง คุณเศรษฐา ทวีสิน เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ดิฉันก็สนับสนุนคุณเศรษฐา นะคะ เเม้ว่าจะมีการออกมา
กล่าวหาบ้างเเต่ดิฉันถือว่าการกล่าวหานั้นไม่ได้เกี่ยวกับการตัดสินใจของดิฉันเพราะไม่ใช่หน้าที่ของดิฉันที่จะไปตัดสินว่าคุณเศรษฐาผิดหรือถูก เป็นเรื่องขององค์กรที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ตัดสิน เช่นเรื่องการโอนที่ดินการเสียภาษีก็ต้องเป็นกรมที่ดิน เเละกรมสรรพากรเป็นผู้ตัดสิน เเละเรื่องการซื้อขายที่ดินของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ ก็ต้องให้ตลาดหลักทรัพย์เข้ามาจัดการจึงต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณเศรษฐาด้วย ดังนั้นในตอนเเรกดิฉันตั้งใจว่าจะ “เห็นชอบ” คุณเศรษฐา ทวีสิน
เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเเน่นอน เพราะได้ติดตามวิสัยทัศน์ตอนรณรงค์หาเสียง ดิฉันคิดว่าคุณเศรษฐาสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีที่สง่างามได้ เเละที่สำคัญประชาชนเลือกพรรคที่เสนอคุณเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีมา ดังนั้น เราต้องถือว่าเสียงของประชาชนมีความหมายเราจะต้องไม่ละเมิดเสียงของประชาชนเเม้เเต่เสียงเดียว #เเต่ว่ามีข้อ 2 ที่สำคัญมากมาเป็นเหตุที่ต้อง พิจารณาอย่างมากทีเดียว
2.ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากประชาชน จากไลน์ จาก Inbox จากการมาพูดคุยเเละจากช่องทางต่างๆ บอกว่าดิฉันเคยฟังประชาชนมาตลอดอยู่เคียงข้างประชาชนมาตลอด ในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ประชาชนชาวยโสธร เเละประชาชนที่อื่นๆที่ศรัทธาดิฉัน ขอให้ดิฉันฟังเเละเชื่อเค้าด้วยคือประชาชนจำนวนมากรู้สึกผิดหวังเเละเจ็บปวดพรรคเเกนนำในการจัดตั้้งรัฐบาลครั้งใหม่นี้ ว่าไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ตอนหาเสียงว่าจะไม่รวมกับพรรคโน้นพรรคนี้
ประชาชนผิดหวังมาก เพราะเค้ารักพรรคที่่สองนี้พอๆกับก้าวไกลเหมือนกัน เเละเค้าสงสารก้าวไกลพรรคเเห่งความหวังของเค้าว่าทำไมถูกทอดทิ้ง ทำไมไม่ผูกมัดติดกันไว้ อดทนไว้ พรรคอื่นก็อาจจะมาเติมเสียงให้เต็มเอง หรือทำไมไม่ช่วยก้าวไกลในการหาเสียงจา สว.ประชาชนรู้สึกว่าถ้าพรรคเเกนนำช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ก็จะต้องได้เสียง สว.มา ประชาชนบอกว่าเค้าจำภาพตอนจับมือกันตอน MOU อย่างไม่ลืมเลือน
เค้าเจ็บปวดมาก เค้ายังนึกถึงบรรยากาศตอนคุณพิธาถูกหยุดให้ปฏิบัติหน้าที่ สส.ประชาชนหลายคนร้องไห้เเละรู้สึกเงียบเหงาเเละเศร้าใจเครียดกันมาก ดิฉันค่อนข้างเครียดเมื่อรับฟังความรู้สึกของประชาชน สมัยนี้คนสนใจการเมืองกันมาก
เค้าคิดไปไกลกว่าดิฉันอีก เค้าบอกว่าเสียงรัฐบาล ที่มารวมกันมีมากกว่าเสียงที่จะเป็นฝ่ายค้านมากเกินไปอาจจะเกิดเผด็จการรัฐสภาได้ ฝ่ายค้านอาจจะตรวจสอบเก่งก็จริงเเต่หากเรื่องใดจำเป็นต้อง Vote ก็จะเเพ้ทุกครั้งไป
ประชาชนบอกกับดิฉันว่าให้ “ไม่เห็นชอบ” ทุกคนอยากให้ดิฉันเป็นความหวัง ให้สู้เพื่อพวกเค้าดิฉันเครียดมาหลายวันว่า ระหว่าง “หลักการ” ที่ดิฉันยึดมั่นเสมอมา กับความรู้สึกท้อเเท้เจ็บปวด ของประชาชนของดิฉัน ดิฉันควรยืนอยู่บนหลักการของดิฉัน หรือเลือกร่วมเจ็บปวดไปกับเค้าด้วยดิฉันควรจะเลือก “ไม่เห็นชอบ” หรือ สุภาพหน่อย ก็ “งดออกเสียง”
ตามความต้องการของประชาชนของดิฉันหรือไม่ หรือ “เห็นชอบ” ตามหลักการที่เค้ารวมเสียงข้างมากได้ ท่านที่ผ่านมากรุณาให้ความคิดเห็นกับดิฉันด้วย เพื่อดิฉันจะได้นำไปเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ขอขอบคุณมากๆนะคะ #อบอุ่นใจเสมอ เมื่อได้อยู่เคียงข้างประชาชน