เชื่อว่าหลายคนกำลังจับตามอง ประเด็นร้อนเมื่อ TEMU แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน เตรียมบุกตลาดไทย ทำเอาพ่อค้า-แม่ค้าคนกลางหวั่นใจ เพราะ TEMU ต่างกินเรียบในหลาย ๆ ประเทศมาแล้ว ผ่านสโลแกน Shop Like a Billionaire หรือ ทุกคนสามารถช็อปปิ้งได้ประดุจเศรษฐี
- ข่าวที่เกี่ยวข้อง : พ่อค้า-แม่ค้าไทยหวั่นใจ กลัวกิจการเจ๊ง หลัง TEMU เตรียมบุกตลาดไทย
ล่าสุด น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงกรณีที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ให้นโยบายเรื่องการประสานงานกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เทมู (Temu) เพื่อแนะนำการเข้าร่วมจดทะเบียนระบบภาษีว่า กรมสรรพากรได้ดำเนินการติดต่อไปยังเทมูแล้ว โดยการส่งอีเมล์ ซึ่งเป็นการแนะนำให้เข้ามาจดทะเบียนเป็นผู้เสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายไทยเท่านั้น อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสถานะของ “เทมู” ยังไม่เข้าข่ายตามกฎหมายการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการที่ต้องเสียภาษีมูลค่า (แวต) เพิ่มในประเทศไทย เพราะฉะนั้น ทำให้ไม่สามารถบังคับให้เขามาจดทะเบียนแวตได้
“เทมูเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ขายสินค้าจากต่างประเทศโดยตรงที่ไม่มีผู้ประกอบการคนไทยเข้าไปเป็นสื่อกลางการใช้บริการ หรือเปิดร้านซื้อขายบนแพลตฟอร์ม เพราฉะนั้น เทมูจึงยังไม่เข้าข่ายผู้ต้องเสียภาษีในประเทศไทย คือภาษีแวต ที่เรียกเก็บจากแพลตฟอร์มต่างชาติ หรือ VES : VAT for Electronic Service ไม่เหมือนกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่มีผู้ประกอบการไทยเข้าไปใช้บริการ แพลตฟอร์มจึงต้องจ่ายแวตเข้ามาที่สรรพากร” น.ส.กุลยากล่าว
น.ส.กุลยากล่าวว่า ส่วนสินค้าที่นำเข้ามาจากเทมูก็จะมีการจัดเก็บแวต 7% ตามการรจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้านำเข้าที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาทจากผู้นำเข้า หรือลูกค้าทั่วไปตามปกติ ส่วนอนาคตถ้ามีนโยบายให้สรรพากรเข้าไปดำเนินงานเรื่องภาษีกับเทมู สรรพากรก็พร้อมประสานและดำเนินงานแน่นอน
ทางด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงปัญหาการทุ่มตลาดของสินค้าจีนว่า ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ นำโดยปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นแกนนำประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร,กรมสรรพากร ผู้ดูแลการนำเข้าและภาษี, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ผู้ดูแลเรื่องแพลตฟอร์มต่างๆ, กระทรวงอุตสาหกรรมผู้ดูแลเรื่องมาตรฐานสินค้า และกระทรวงสาธารณสุข ผู้ดูแลมาตรฐานอย. เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้า ไม่ได้มาตรฐานและราคาถูกซึ่งทะลักเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ผ่าน ทาง E- Commerce และ ด่านต่างๆ เพื่อดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทุ่มตลาดหรือไม่ กฎระเบียบต่างๆเป็นอย่างไร รวมถึงเกณฑ์ของ WTO
โดยเน้นแนวทางปกป้องสินค้าไทยบนพื้นฐานของกฎหมายที่มีอยู่ ไม่เน้นเรื่องการตอบโต้ เพราะยอมรับว่าอาจจะกระทบกับความสัมพันธ์การค้าระหว่างประเทศซึ่งไทยก็ส่งออกสินค้าเกษตรให้จีนอยู่ อย่างไรก็ตามในส่วนตัวได้หารือกับทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งทางทูตจีนได้แสดงความกังวลเช่นกันพร้อมที่จะหาแนวทางร่วมกันต่อไป พร้อมระบุการที่จีนจะบุกไทยหรือไทยจะบุกจีนถือเป็นแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศในโลกยุคใหม่ จีนมีสิทธิ์จะเข้ามา ไทยก็มีหน้าที่ที่จะปกป้องตัวเอง หากลุกขึ้นมาตอบโต้ ห้ามจีนทำการค้า ทางจีนเองก็อาจจะห้ามไทยได้ด้วยเหมือนกัน การค้าระหว่างประเทศก็จะไม่เกิดขึ้น