“สนธิรัตน์” ลั่น พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย ชู 5 นโยบายด่วนพลังประชารัฐ ยกระดับเศรษฐกิจ ย้ำก้าวข้ามความขัดแย้ง ฟุ้งนำทุกนโยบายหาเสียงไปปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2566 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวในงานแสดงวิสัยทัศน์สู่สนามเลือกตั้งปี 2566 IBusiness Forum 2023 “The Next Thailand’s Future : จุดเปลี่ยนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน” ว่า หากพรรคพลังประชารัฐได้เข้ามาบริหารเศรษฐกิจของประเทศหลังการเลือกตั้ง ต้องนำ 4 เครื่องจักรสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยกลับมาเน้นย้ำ ได้แก่ การท่องเที่ยวการส่งออก การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐ
โดยการท่องเที่ยว จะเป็นเครื่องจักรสำคัญในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งนโยบายของพรรค คือจะใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วเติมเข้าไป ไม่ใช่เฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ยังรวมถึงเรื่องคุณภาพของการท่องเที่ยว ทั้งนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูงหรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนกับการท่องเที่ยวเชิงมหภาคด้วย
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ พรรคเคยผลักดันมาแล้วตั้งแต่การก่อตั้ง EEC และการขับเคลื่อนโครงสร้างการส่งออกที่ไปอยู่ในเครื่องยนต์ใหม่ๆ เพิ่มความสามารถของเศรษฐกิจใหม่ๆ ภายใต้การขับเคลื่อน 3 เรื่องเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ Innovation Economy, Digital Economy และ BCG ที่เรามีอยู่แล้ว
โดย BCG ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะสอดรับกับจุดแข็งของประเทศไทยที่เป็นประเทศเกษตร ซึ่งการส่งออกต้องเปลี่ยนผ่านโครงสร้างของการส่งออกในประเทศไทย ทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม รวมทั้งเตรียมพร้อมต่อการแข่งขันให้ได้
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า 5 นโยบายเร่งด่วนที่สำคัญที่พรรคพลังประชารัฐจะทำ ประกอบด้วย 1.แก้หนี้ เติมทุน เพิ่มทักษะ สร้างโอกาส 2.บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มวงเงินบัตรประชารัฐ ทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากขึ้น ยืนยันเดินหน้าต่อยอด เป็นนโยบายหลักของพรรค 3.สิทธิที่ดินทำกิน 4.การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ และป้องกันน้ำท่วม และ 5.การดูแลคนไทยทุกช่วงวัย
โดยพรรคได้ประกาศเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาให้เอสเอ็มอี คือเรื่องกองทุนประชารัฐ SMEs Wallet และศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจ SMEs ครบวงจร รวมถึงการเปลี่ยนบทบาทของรัฐในการส่งเสริมเอสเอ็มอี โดยเฉพาะสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) ที่ต้องปรับบทบาทครั้งใหญ่ หากกลไกของรัฐใน สสว. และกระทรวงต่างๆ ไม่ปรับบทบาท จะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ สสว. ควรเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เชิงนโยบบาย ทำหน้าที่ดูแลงบประมาณ และประเมินผล
ขณะที่พลังงาน มี 3 เรื่องใหญ่ ที่ต้องเปลี่ยนแปลง 1.เรื่องน้ำมัน พรรคมีนโยบายชัดเจน คือปฏิรูปโครงสร้างน้ำมัน ทำให้ได้ราคาที่เป็นธรรม ลดการใช้น้ำมัน โดยจะใช้นโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่อีวีเต็มรูปแบบ เปลี่ยนรถเก่าเป็นรถพลังงานอีวี 2.เรื่องไฟฟ้า มีนโยบายชัดเจน คือ จะลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน เน้นการติดตั้งโซล่าเซลล์บนหลังคาเรือน รวมถึง Net Metering หากทำเรื่องนี้ได้จะเพิ่มรายได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน
และ 3.โรงไฟฟ้าชุมชน จะเป็นอีกนโยบายหลักของพรรคด้วย ทั้งหมดคือสิ่งที่เราต้องเร่งยกระดับเครื่องยนต์เดิม เพิ่มศักยภาพเครื่องยนต์ใหม่ ทั้งเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์ ท่องเที่ยว เกษตร และเทคโนโลยี เรื่องการเกษตร นโยบายของพรรคต้องเปลี่ยนผ่านเกษตรสู่เกษตรพลังงาน ไบโอเจ็ท หรือน้ำมันเครื่องบินจากพืชพลังงาน
“ขอเน้นย้ำว่า ไม่ว่านโยบายใดจะดีแค่ไหนอย่างไร หากประเทศมีการเมืองที่ไม่มั่นคง มีการเมืองเชิงความขัดแย้ง นโยบายทั้งหลายนั้นก็เป็นเพียงนโยบายในการหาเสียง แต่ไม่สามารถขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติได้ วันนี้พรรคพลังประชารัฐจึงได้ประกาศแล้วว่า จะก้าวข้ามความขัดแย้ง พร้อมนำพาประเทศไทยให้มีความสมดุลทางการเมือง และนำทุกนโยบายที่เราได้หาเสียง ไปสู่การปฏิบัติให้สำเร็จ” นายสนธิรัตน์ กล่าว