ศาลธัญบุรีอ่านคำสั่งหลังเคอร์ฟิว ไม่ให้ประกัน 9 คนที่ไปประท้วงหน้า ตชด.เมื่อวันที่ 2 ส.ค.เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยไผ่และเพื่อนที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้า
9 ส.ค.2564 ที่ศาลธัญบุรี เวลาประมาณ 21.40 น. ศาลอ่านคำสั่งไม่ให้ประกันตัว เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ และพวกรวม 9 คน จากกรณีที่ไปชุมนุมหน้า บก.ตชด.ภาค 1 จังหวัดปทุมธานีเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมาเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้าอีกหลายคน
- ศาลไม่ให้ประกัน “ไผ่ ดาวดิน” คดีชุมนุมทะลุฟ้าไล่นายกฯ-สาดสี สน. ส่งตัวเข้าเรือนจำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมทั้ง 9 คน และในวันนี้ (9 ส.ค.) เวลาประมาณ 11.00 น.พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า เจ้าของพื้นที่ ได้นำผู้ต้องหาทั้ง 9 คนมาขออำนาจศาลธัญบุรีฝากขัง แจ้งข้อหารวม 7 ข้อหาแตกต่างกันไปในแต่ละคน (อ่านด้านล่าง) โดยพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวด้วย
ทั้งนี้ 9 คน ประกอบไปด้วย ผู้ต้องหาที่ 1.นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า 2.นาย Sam Samat หรือแซม สาแมท 3.นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน 4.นายณัฐชนน ไพโรจน์ 5.นายสิริชัย นาถึง 6.นายชาติชาย แกดำ 7.นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ 8.น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกุล 9.นายธนพัฒน์ กาเพ็ง
ทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 9 คนได้ขอคัดค้านฝากขัง โดยขอให้ศาลไต่สวนพนักงานสอบสวน ศาลอนุญาตไต่สวน และสิ้นสุดการไต่สวนในเวลาประมาณ 17.30 น.
21.00 น. ศาลอ่านคำสั่งพิเคราะห์คำร้องฝากขังและคำแถลงคัดค้านแล้วเห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจใช้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีมีหลักฐานตามสมควรว่า ผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี เมื่อผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว และมีเหตุจำเป็นที่จะสอบสวน พนักงานสอบสวนชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ออกหมายขังได้ เมื่อพนักงานสอบสวนยังดำเนินการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ กรณีมีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนต่อไป จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามขอ
ต่อมาผู้ต้องหาได้ใช้สิทธิยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว (ประกันตัว)
21.40 น. ศาลอ่านคำสั่ง ผู้ต้องหาลำดับ 1-8 ว่า “พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าตามข้อกล่าวหาผู้ต้องการได้กระทำการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวม ในภาวะที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในวงกว้าง ทั้งที่ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอื่นอันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ตามป.วิ.อ.มาตรา 108/1(3) ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว จึงไม่มีเหตุให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งให้ผู้ต้องหาและผู้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวทราบเป็นหนังสือโดยเร็ว”
21.40 น. ศาลอ่านคำสั่ง ผู้ต้องหาลำดับที่ 9 ว่า “พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าตามข้อกล่าวหาผู้ต้องหาได้กระทำการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมในสภาวะที่เกิดโรคระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในวงกว้าง หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ตามป.วิ.อ.มาตรา 108/1(3) ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว จึงไม่มีเหตุที่จะปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งให้ผู้ต้องหาและผู้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวทราบเป็นหนังสือโดยเร็ว”
ทั้งนี้ ข้อหาที่แจ้งต่อผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ประกอบด้วย :
ข้อหาที่ 1 มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ ในการกระทำความผิดนั้น (ผู้ต้องหาลำดับที่ 2 ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการฯ)
ข้อหาที่ 2 ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่มีจำนวนรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน
ข้อหาที่ 3 ร่วมกันจัดให้มีการชุมนุมหรือกิจกรรมที่มี ความเสี่ยงการแพร่โรคในพื้นที่ที่ประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่ควบคุมสูงสุดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ,
ข้อหาที่ 4 ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป
ข้อหาที่ 5 ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่มีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี ที่ 7022/2564 เรื่อง กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ข้อ 8
ข้อหาที่ 6 ร่วมกันทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต (ยกเว้นผู้ต้องหาลำดับที่ 2 และ 5)
ข้อหาที่ 7 ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ (ยกเว้นผู้ต้องหาลำดับที่ 1 , 3 , 6 และ 9 )