ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช. จี้สอบ ผู้ว่าฯกปภ. ส่อเอื้อผู้รับเหมา ก่อสร้างสถานี-วางระบบท่อจ่ายน้ำ กปภ.สาขาสุราษฎร์ธานี มูลค่า 708 ล้านบาท บอก พบพิรุธเพียบ
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวน และวินิจฉัยเอาผิด ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) ที่มีคำสั่ง ยกเลิกหนังสือบอกเลิกสัญญาผู้รับเหมาก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำและวางระบบท่อจ่ายน้ำของการประปาภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี ที่ก่อสร้างล่าช้ามากว่า 5 ปี โดยไม่ต้องเสียค่าปรับตามสัญญานั้น เป็นการทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เนื่องจากการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้จัดประกวดราคาจ้างเหมาโครงการก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำและวางระบบท่อจ่ายน้ำการประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี(ชั้นพิเศษ) อ.เมือง-พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีราคากลางของงานก่อสร้างในการประกวดราคาครั้งนี้เป็นเงิน 708,340,000 บาท มีห้างหุ้นส่วนจำกัดรายหนึ่งตั้งอยู่แถวๆ ถ.สุโขทัย ซ.1 เขตดุสิต เป็นผู้ชนะในราคา 600 ล้านบาท โดยมีกำหนดระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญา 570 วัน ตั้งแต่ 9 มี.ค.61 ถึง 29 ก.ย.62
แต่เมื่อครบกำหนดสัญญาการก่อสร้างโครงการฯดังกล่าวไม่เสร็จ จึงเจรจาผ่อนปรน ขยายเวลาการสิ้นสุดสัญญาออกไปหลายครั้ง ล่าสุดทางผู้รับจ้างฯ มีหนังสือแจ้งมายัง กปภ.ว่าจะเร่งรัดก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำ และวางระบบท่อจ่ายน้ำดังกล่าว ให้เสร็จภายใน 13 เดือน นับตั้งแต่เดือน ม.ค.65 และไปสิ้นสุดในเดือน ม.ค.66 แต่เมื่อถึงกลางปี 65 ไปตรวจสอบความก้าวหน้าของงาน ปรากฏว่ามีความคืบหน้าเพียง 0.86% เท่านั้น ทำให้รักษาการ ผู้ว่าฯ กปภ.ขณะนั้น มีหนังสือลงวันที่ 10 ส.ค.65 แจ้งให้ผู้รับจ้างก่อสร้าง ก่อสร้างให้เสร็จภายใน 30 วัน หากไม่เสร็จ ให้ถือเป็นการบอกเลิกสัญญา
ต่อมาวันที่ 23 ส.ค.65 ครม.มีมติแต่งตั้ง ผู้ว่าฯ กปภ.คนใหม่ หลังจากนั้นปรากฏว่าเมื่อ 9 ก.ย.65 ผู้ว่าฯ กปภ.คนใหม่ ได้ลงนามในหนังสือ ยกเลิกหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างก่อสร้างฯ ดังกล่าวอย่างมีพิรุธ เป็นเหตุให้รัฐหรือหน่วยงานของ กปภ. และประชาชนผู้รอรับการบริการน้ำประปาเสียหาย รัฐไม่สามารถปรับเงินเอาเข้ารัฐหรือหลวง ได้ตามสัญญา ชี้ให้เห็นถึงการกระทำที่อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจ้างรายดังกล่าวหรือไม่อย่างไร ทางสมาคมองค์การพิทักษ์ณัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดตามกฎหมายของ ป.ป.ช.และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง