ว่ายน้ำเพื่อชีวิต ตั้งเป้าสอนเด็กไทยให้ได้ 2,200 คนทั่วประเทศพ้นจมน้ำเสียชีวิต ประเดิมภาคกลาง ที่เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ แล้ว
สมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต 2566 ภาคกลาง ที่ศูนย์เยาวชนคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพ ตั้งเป้าสอนเด็กว่ายน้ำเบื้องต้นได้ไม่ต่ำกว่า 2200 คน ทั่วประเทศ
พลเอกธนิส พิพิธวณิชการ ที่ปรึกษาสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยและประธานโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต ประจำปี 2566 พร้อมด้วย นายศักดิ์ชัย สุริยวงศ์ ผู้แทนประธานภาค กทม.และ นายสมาน สืบสาย หัวหน้าศูนย์เยาวชนคลองกุ่ม สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว ได้ร่วมพิธีเปิดโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต ประจำปี 2566 ณ ศูนย์เยาวชนคลองกุ่ม กรุงเทพฯ
โครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต เป็นการร่วมมือกันระหว่าง สมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย และ บริษัทบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมเพื่อสังคม เน้นฝึกสอนการว่ายน้ำเบื้องต้นให้แก่เด็กในชุมชนที่ด้อยโอกาสและมีทุนทรัพย์น้อย โดยศูนย์เยาวชนบึงกุ่ม มีเด็กเยาวชนที่ด้อยโอกาสและเด็กพิเศษเข้าร่วมโครงการกว่า 50 คน แบ่งการฝึกสอนออกเป็น 10 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะมีการประเมินผลหลังเสร็จสิ้นการฝึกสอนด้วยการสามารถลอยน้ำได้ในเบื้องต้นและสามารถช่วยเหลือผู้อื่นในเบื้องต้นได้
พลเอกธนิส พิพิธวณิชการ ที่ปรึกษาสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยและประธานโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต ประจำปี 2566 เปิดเผยว่า “โครงการนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีมากที่ สมาคมว่ายน้ำ ได้ร่วมกับ ปตท.ร่วมกันทำกิจกรรมดี ๆ เพื่อสังคมครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้มอบโอกาสให้เด็กเยาวชนและเด็กพิเศษในแหล่งชุมชนต่าง ๆ ที่ด้อยโอกาส ได้ว่ายน้ำเป็นในเบื้องต้นลดอัตราการเสียชีวิตของเยาวชนที่เกิดจากการจมน้ำเสียชีวิต และเชื่อว่าในอนาคตต่อไปจะได้ขยายโอกาสออกไปได้ทั่วถึงและเข้าถึงเยาวชนให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย”
สำหรับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สนับสนุนงบบประมาณเพื่อจัดโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิตขึ้นเพื่อเพื่อพัฒนาทักษะการว่ายน้ำให้เด็กด้อยโอกาสในภูมิภาคต่างๆ แสวงหาความร่วมมือกับชุมชนเพื่อต่อยอดในการเฟ้นหานักกีฬารุ่นใหม่ต่อไป และให้บริการนักกีฬาว่ายน้ำด้อยโอกาสในชุมชน นำไปสู่การลดอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำ ระยะเวลาดำเนินโครงการระหว่างช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2566 ซึ่งมีนักกีฬาว่ายน้ำเป้าหมาย เป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้อยโอกาสหรือมีทุนทรัพย์น้อยในชุมชน ทั้ง 6 ภูมิภาค ได้แก่
1) ภาคกลาง 1 จำนวน 500 คน
2) ภาคกลาง 2 จำนวน 500 คน
3) ภาคอีสาน จำนวน 500 คน
4) ภาคใต้ จำนวน 500 คน
5) ภาคเหนือ จำนวน 500 คน
6) กรุงเทพมหานคร จำนวน 500 คน