นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) ว่าคนหรือกลุ่มคนที่ต้องการสกัดพรรคก้าวไกลกลัวว่าถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลจะโกงต่อไม่ได้ โดยยกการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาเป็นข้ออ้างเท่านั้น
“ประเด็นเรื่องการแก้ไข ม.112 น่าจะเป็นเพียงข้ออ้าง อย่างที่หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานไว้จริงๆ” นายวิโรจน์ โพสต์
“แนวความคิดของพรรคก้าวไกล จะทำให้โกงไม่ได้ ทุจริตไม่ได้ คอร์รัปชั่นไม่ได้ ฮั้วประมูลไม่ได้ อันนี้ผมจะไม่เถียงเลยสักคำ”
8 แนวทางบริหารประเทศทุบคนโกง
นายวิโรจน์อธิบายว่า แนวคิดการจัดงบประมาณแผ่นดินและการบริหารประเทศจะทำให้คนเหล่านั้นทุจริตได้ยากหรือไม่ได้เลย โดยจัดกลุ่มได้เป็น 8 ประเด็น
- การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเอาจริงเอาจัง
- การเปิดเผยข้อมูลการบริหารราชการอย่างโปร่งใส การใช้จ่ายงบประมาณต้องมีประสิทธิภาพ
- การจัดการกับปัญหาทุนผูกขาด ให้ประชาชนมีโอกาสลืมตาอ้าปาก ประกอบกิจการตามความฝันของตน
- การจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม ไม่ยอมให้กลุ่มอภิสิทธิ์ชนเครือข่ายอุปถัมภ์ กินรวบทรัพยากรของประเทศ ยึดกุมสัมปทานที่เอารัดเอาเปรียบ มัดมือชกรีดนาทาเร้นประชาชน อย่างไม่เป็นธรรม
- การกระจายอำนาจ กระจายการลงทุนไปสู่ท้องถิ่น ไม่กระจุกความเจริญไว้ที่ส่วนกลาง
- การปรับปรุงสวัสดิการ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมกันในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
- การลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความก้าวหน้า พร้อมที่จะแข่งขัน และร่วมมือกับนานาอารยประเทศ
- การปกป้องคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ของประชาชน ในฐานะที่ประชาชนเป็นเจ้าของอธิปไตย และกองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน ไม่มีการทำรัฐประหารอีกต่อไป
2 แนวคิดขับเคี่ยว: ผลประโยชน์พวกพ้อง vs ผลประโยชน์ประชาชน
สส. พรรคก้าวไกลรายนี้ สรุปท้ายโพสต์ดังกล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ที่จริงแล้วเป็นการปะทะกันของ 2 แนวคิด ระหว่างแนวคิดในการเป็นรัฐบาลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง และ การเป็นรัฐบาลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
“จริงๆ แล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ อาจจะเป็นการปะทะกันระหว่างวลี 2 วลี อยู่ก็ได้นะครับ
วลีแรก ‘กูไล่มึงออก มึงไม่ออกกูจะแดกยังไง’ กับวลีที่สอง ‘กูไม่ออก ออกแล้วประชาชนจะเอาอะไรแดก’ ซึ่งประชาชนคงต้องติดตามต่อไปว่าในท้ายที่สุดแล้ว วลี 2 วลีนี้ วลีไหนจะเป็นฝ่ายชนะ”