โครเอเชีย ถ่ายเลือดมาตั้งแต่หลังฟุตบอลโลก 2018 ตอนนี้ทีมชุดปัจจุบันถือว่าเข้าที่เข้าทางดี ขณะที่เบลเยียมควรคิดถึงการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยแล้ว
เปิดเกมมา เบลเยียมดูจะเล่นได้ค่อนข้างวูบวาบกว่า แต่ก็ไม่ถึงกับสร้างความระคายเคืองให้ โครเอเชีย ที่เล่นกันรัดกุมและนักเตะรักษาวินัยของทีมได้ดี
ทำไปทำมา โครเอเชียยังสามารถเดินเกมรุกได้ด้วย แม้จะไม่หวือหวาแต่ก็จัดว่ามีประสิทธิภาพ ถึงขั้นเกือบได้จุดโทษแต่ถูกริบไปเสียก่อน
ครึ่งหลังเบลเยียมส่ง โรเมลู ลูกากู ลงมาเพิ่มมิติให้ทีมได้พอสมควร เมื่อลูกากูสามารถช่วยพักบอลให้เพื่อน และยังคุกคามกองหลังโครเอเชียได้ ถึงขนาดที่ได้ยิงชนเสาด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ลูกากูดูจะขาดไปในวันนี้คือโชค ทั้งที่การเล่นของเจ้าตัวทำให้เกิดโอกาสทองไม่น้อย แต่ตัวเองกลับทิ้งขว้างไปเองหมดอย่างไม่น่าเชื่อ สุดท้ายเกมจบเสมอ 0-0 และเบลเยียมตกรอบเท่านี้
วันนี้เบลเยียมอาจจะยังไม่ลงตัวนัก แต่อย่างน้อยก็ดูดีขึ้นพอสมควรเมื่อลองให้โอกาสแข้งสายเลือดใหม่อย่าง เลอันโดร ตรอสซาร์ด, เฌเรมี โดกู, ยูรี ตีเลอมันส์ ลงสนาม ทำให้เกมรุกของทีมมีสีสันมากกว่า 2 เกมแรก คงต้องยอมรับว่ากัปตันอย่าง เอเดน อาซาร์ หมดสภาพแล้ว
นอกจากนี้ เบลเยียมควรคิดถึงการถ่ายเลือดอย่างจริงจังกว่านี้เช่นกัน แข้งสูงอายุอย่างอาซาร์, อักเซล วิตเซล, โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ตองเกน, ดรีส เมอร์เตนส์, โธมาส์ เมอนิเยร์ ปัจจุบันมาตรฐานด้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด
คงไม่ผิดนักที่จะบอกว่า เบลเยียมต้องตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกหนนี้ เพราะมัวแต่ยึดติดกับเหล่าแข้งยุคทองที่ตอนนี้เข้าสู่ช่วงขาลงเกินไป ไม่ได้ให้โอกาสสายเลือดใหม่เท่าที่ควร
อย่างโครเอเชียเริ่มผลัดใบมาตั้งแต่หลังจบฟุตบอลโลก 2018 และล้มลุกคลุกคลานอยู่นาน จนถึงตอนนี้ทีมปัจจุบันอาจจะไม่ได้เจ๋งเท่าทีมชุดรองแชมป์โลก แต่อย่างน้อยก็มีความเข้าขารู้ใจกันค่อนข้างสูง
กระนั้นโครเอเชียเองก็ยังขาดกองหน้าที่ดี คนที่สามารถพักบอลได้และคุกคามกองหลังได้อย่างที่เคยมี มาริโอ มานชูคิช หรืออย่างที่เบลเยียมเกมนี้มีลูกากู ถ้าหานักเตะแบบนี้มาติดทีมชาติได้สักคนในอนาคต โครเอเชียก็มีโอกาสกลับมาแข็งแกร่งเช่นเดิมได้