กรณีจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เห็นอะไร
เห็นอาการ “ยื้อ” อย่างเต็มเรี่ยวแรงจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และบรรดาคนที่แวดล้อมอยู่โดยรอบแสดงให้เห็นความต้องการ “ไปต่อ”
ไม่ว่าอีก 2 ปี ไม่ว่าอีก 4 ปี
เห็นภาพการจัดทำ “เค้ก” ซึ่งจำลองแผนที่ประเทศไทยในแบบของ ครูทองใบ แตงน้อย มีคนคนหนึ่งยืนอยู่บนแผนที่อันเป็นธง 3 สี
แจ่มชัดยิ่งถึงความมั่นใจใน “อำนาจ”
เมื่อจับอาการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วเกิดนัยประหวัดอย่างไรทางการเมือง
จำนวนไม่น้อยนึกถึงการตัดสินใจของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2531 ที่ในที่สุดก็เปล่งคำว่า “ผมพอแล้ว” ออกมา
อันยากยิ่งจะได้ยินจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะเดียวกัน กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลับเกิดภาพเปรียบเทียบจากก๊อดฟาเธอร์ ภาค 3 อันเป็นเค้กแผนที่ประเทศ “คิวบา”
นั่นย่อมเป็นอิทธิพลของ “ไมเคิล คอร์ลีโอเน่”
คําว่า “ผมพอแล้ว” มาอย่างไร กรณีรูป “เค้ก” เป็นแผนที่มีรากฐานอย่างไรจึงได้ปรากฏ
เค้กรูปแผนที่เป็นผลสะเทือนจากวัฒนธรรม “มาเฟีย” ตะวันตก คำว่า “ผมพอแล้ว” ก่อให้เกิดนัยสัมพันธ์ไปยังเรื่องราวของ “องคุลิมาล”
เมื่อ “วางดาบ” ก็พลันแปรเปลี่ยนเป็น “อรหันต์“
ไม่มีใครรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตัดสินใจอย่างไร ไม่มีใครรู้ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะตัดสินใจอย่างไรในทางการเมือง
แต่ที่เห็นและเป็นอยู่นับว่าแจ่มชัดอย่างยิ่งแล้ว
แจ่มชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล้วนต้องการ“ไปต่อ”
ไม่มีใครคิด “วางดาบ” ในแบบของ “องคุลิมาล“ ไม่มีใครหยุดแบ่ง “เค้ก” ระหว่างกันและกันผ่านกระบวนการบริหารในแบบของ “ครม.”
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามย่อมอยู่ที่นั่น