ยิ่ง นายสุชาติ ชมกลิ่น ออก “อาการ” ในทางการเมือง แสงแห่งสปอตไลต์ยิ่งฉายจับ
เหมือนกับจะเป็นการฉายจับเมื่อยืนเรียงเคียงกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และที่เลเพลาดพาดไปถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ด้วย
แต่ในที่สุดกลับเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เพราะความเข้าใจว่าญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจที่เห็นว่าน่าจะเป็น “ญัตติเถื่อน”ดำเนินไปอย่างมีการพาดพิงเอ่ยอ้าง
เหมือนกับจะมาจากอิทธิพลของ “ผู้มีอิทธิพล” ภายนอก
พลันที่มีการพาดพิงไปยังบทบาทของ “คนนอก”ภาพหลังเดือนกันยายน 2564 ก็ปรากฏ
ภาพอันโดดเด่นขึ้นในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจเมื่อเดือนกันยายน 2564 ร้อนแรงเพราะสะท้อนการปะทะ
ระหว่าง“พลเอก” กับ “ร้อยเอก”
รูปธรรมอันเป็นผลสะเทือนอย่างเด่นชัด คือ การปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“แค้น”จาก“ร้อยเอก”ครั้งนี้จึงล้ำลึก
ภายในรอยแค้นซึ่งฝังลึกยังมีสถานการณ์ในแบบ “อาฟเตอร์ช็อก” ตามมาติดๆ
สถานการณ์หนึ่งก็คือ การตบเท้าของ“4 รัฐมนตรี” ของพรรคพลังประชารัฐไปพบและสนทนากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นการจำเพาะ
นั่นคือ สถานการณ์ “เดือนตุลาคม 2564”
เป้าหมายก็คือ การกดดันภายในพรรคพลังประชารัฐเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อตำแหน่งสำคัญของกรรมการบริหารพรรค
นั่นคือ รุกไล่ “ร้อยเอก” ออกจากตำแหน่ง “เลขาธิการ”
จะตอบคำถามนี้ได้จำเป็นต้องมองผ่านคะแนน “ไว้วางใจ”ที่จะปรากฏในอีกไม่นาน
เมื่อทั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ทั้งกลุ่ม 16 ส.ส. ต่างออกมาการันตีให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างหนักแน่นและจริงจัง
แต่ไม่รับรองความปลอดภัยของรัฐมนตรีอื่น