วิวาทะว่าด้วย “จีที 200” เป็นผลสะเทือนและความต่อเนื่องจากเวที “รัฐสภา”
นี่ย่อมเป็นบทบาทของ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ที่หยิบเอาข่าวเล็กๆ ซึ่งถูกมองข้ามมาตั้งเป็นคำถามในทาง “งบประมาณ”
ผลกลับส่งผลสะเทือนในลักษณะ “แผ่นดินไหว‘
แรงสะเทือนที่สำคัญเป็นอย่างมากสัมผัสได้จากการขานรับของสังคม ทำให้ข่าว “จีที 200” ไม่สามารถจบลงได้ภายในวันสองวัน
เท่ากับเป็นการ “คิดบัญชี” โดยอัตโนมัติ
สีสันการปรากฏขึ้นของ “จีที 200” สามารถต่อยอดทางการเมืองอย่างวิลิศมาหรา
ไม่เพียงแต่คนดังอย่าง พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ จะถูกตั้งคำถาม หากแต่ยังทำให้บางคำพูดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โผล่ปรากฏ
ยิ่งการอธิบายของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ยิ่งแพรวพราย
เป็นความแพรวพรายเมื่อมองจากรากฐานแห่งวิชาฟิสิกส์ เป็นความแพรวพรายเมื่อมองการใช้ตรรกะอ้างอิงและสำนวนโวหารล้ำลึก
ไม่แปลกที่นั่งอยู่ใน “กรมประชาสัมพันธ์”
การตั้งงบประมาณเพื่อตรวจสอบ “จีที 200” จึงดำเนินไปในแบบ “เลื่อยขี้เลื่อย”
พลันที่สำนักงานอัยการสูงสุดนำข้อเท็จจริงในทางคดีออกมาอธิบาย สายตาจึงมองไปยังกองทัพ มองไปยังชายชาติทหารด้วยความกังขา
เป็นความกังขาระนาบเดียวกับ “เรือดำน้ำ”
การซื้อ “เรือดำน้ำ” โดยไม่มี “เครื่องยนต์กลไก” ถือเป็นเรื่องน่าหัวร่ออย่างยิ่งอยู่แล้ว การพิสูจน์ความไม่มีประสิทธิภาพของ “จีที 200” ยิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ
เพราะศาลอังกฤษไปไกลถึงกับ “ตัดสิน” เรียบร้อยไปแล้ว ติดคุกไปแล้ว
รัฐประหารอาจเป็นเรื่องเลวร้าย น่าหดหู่ แต่ก็ดำเนินไปในลักษณะสองด้านเด่นชัด
หากไม่มีรัฐประหารเราจะได้นายกรัฐมนตรีอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือหากไม่มีรัฐประหารเราจะได้ผู้ว่าฯ กทม.อย่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หรือ
และสีสันของ “จีที 200” ยิ่งสร้างเสียงหัวร่อได้อย่างกึกก้อง